กองเรือ Global Sumud Flotilla (กองเรือซุมูดโลก) ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพเรืออิสราเอลที่สกัดกั้นเรือช่วยเหลือมนุษยธรรมในน่านน้ำสากล พร้อมลักพาตัวอาสาสมัครกว่า 443 คนจาก 47 ประเทศ โดยผู้เข้าร่วมถูกโจมตีด้วยปืนฉีดน้ำ น้ำเหม็น และถูกตัดสัญญาณสื่อสาร ก่อนถูกนำตัวขึ้นเรือรบ MSC Johannesburg เหตุการณ์ดังกล่าวถูกชี้ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
ต่อไปนี้คือเนื้อหาจาก แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของกองเรือ Global Sumud Flotilla ซึ่งเผยแพร่ผ่าน X เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 เวลา 18.40 น.
แถลงการณ์ด่วน
อัปเดตกองเรือ Global Sumud Flotilla หลังถูกสกัดกั้นและลักพาตัวอาสาสมัครอย่างผิดกฎหมาย
2 ตุลาคม 2025
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน – หลังจากกองทัพเรืออิสราเอลผู้ยึดครองสกัดกั้นเรือของกองเรือ Global Sumud Flotilla อย่างผิดกฎหมาย – ซึ่งเป็นขบวนเรือสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ที่บรรทุกอาหาร นมผง ยารักษาโรค และอาสาสมัครจาก 47 ประเทศไปยังกาซา – ผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนถูกลักพาตัวและถูกรายงานว่านำขึ้นเรือรบลำใหญ่ชื่อ เอ็มเอสซี โยฮันเนสเบิร์ก (MSC Johannesburg) โดยก่อนหน้านั้น พวกเขาถูกโจมตีด้วยปืนฉีดน้ำ ถูกฉีดด้วยน้ำเหม็น (skunk water) และการสื่อสารถูกตัดกั้นอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการกระทำที่รุนแรงต่อพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ
นอกจากนี้ มีรายงานว่าเรือหลายลำถูกหยุดโดยแนวกั้นคล้ายโซ่ในน่านน้ำสากล ซึ่งอิสราเอลไม่มีอำนาจเหนือพื้นที่ดังกล่าว เช่นเดียวกับที่อิสราเอลไม่มีอำนาจเหนือเขตน่านน้ำและชายฝั่งของกาซา การกระทำเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำถึงอาชญากรรมสงครามและการปิดล้อมที่ผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล
องค์กรกฎหมายอะดาละฮ์ (Adalah) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้เข้าร่วมกองเรือต่อทางการอิสราเอล ระบุว่า ได้รับข้อมูลเพียงเล็กน้อย และยังไม่ได้รับแจ้งชัดเจนว่าอาสาสมัคร 443 คนที่ถูกบังคับให้ลงจากเรือจะถูกนำตัวไปที่ใด โดยคาดว่าจะถูกส่งไปยังเมืองอัชดอด (Ashdod) เพื่อเข้าสู่กระบวนการควบคุมตัวที่ผิดกฎหมาย
นี่คือการลักพาตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การสกัดกั้นเรือมนุษยธรรมในน่านน้ำสากลถือเป็นอาชญากรรมสงคราม การปฏิเสธสิทธิทางกฎหมายและการปกปิดชะตากรรมของผู้ถูกควบคุมตัวยิ่งตอกย้ำถึงอาชญากรรมดังกล่าว
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาล ผู้นำโลก และสถาบันระหว่างประเทศ ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมที่หายไป รับประกันความปลอดภัยของพวกเขา และเรียกร้องการปล่อยตัวโดยทันที
คำมั่นของเรายังคงชัดเจน: เราจะทำลายการปิดล้อมที่ผิดกฎหมายของอิสราเอล และยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำลังดำเนินอยู่ต่อชาวปาเลสไตน์ ทุกการปราบปรามต่อกองเรือ ทุกการยกระดับความรุนแรงในกาซา และทุกความพยายามที่จะกดขี่การแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะยิ่งทำให้เรามีความมุ่งมั่นมากขึ้น
มีรายงานว่าเรือ Mikeno ที่ชักธงฝรั่งเศส อาจแล่นเข้าสู่น่านน้ำปาเลสไตน์แล้วตามข้อมูล AIS แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนเรือ Marinette ที่ชักธงโปแลนด์ ยังคงเชื่อมต่อกับระบบ Starlink และสื่อสารได้ โดยมีผู้โดยสารรวม 6 คนอยู่บนเรือ
เรือต่อไปนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าถูกสกัดกั้นอย่างผิดกฎหมาย









