IRGC เผยรายละเอียดใหม่ลอบสังหาร “ฮานิเยะห์” และการตอบโต้ของอิหร่าน

วันอาทิตย์ (2 พ.ย. 68) โฆษกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) พลจัตวา อาลี มูฮัมหมัด นาอีนี เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับการลอบสังหาร อิสมาอีล ฮานิเยะห์ ผู้นำฮามาสในกรุงเตหะราน โดยยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธโดยตรง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมภายในประเทศ ตามรายงานของอัลมะยาดีนสื่อเลบานอน

นาอีนีระบุว่า “การลอบสังหารชะฮีด อิสมาอีล ฮานิเยะห์ ไม่ได้มีการก่อวินาศกรรมใด ขีปนาวุธถูกยิงจากระยะหนึ่งและพุ่งทะลุหน้าต่างเข้ามาโดยตรง ขณะเขากำลังสนทนาทางโทรศัพท์ในทิศทางเดียวกับที่จรวดพุ่งมา”

สภาความมั่นคงฯ อนุมัติการตอบโต้ทางทหาร

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว นาอีนีเปิดเผยว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านได้มีมติให้ตอบโต้ทางทหารอย่างเด็ดขาด พร้อมมอบอำนาจให้กองทัพเป็นผู้กำหนดเวลาในการดำเนินการ พร้อมอธิบายว่า เความล่าช้าในการตอบโต้นั้นเกิดจากอุปสรรคที่พบระหว่างปฏิบัติการ “ทรูพรอมิส 1” (True Promise 1) โดยระบุว่า “ระหว่างทรูพรอมิส 1 และ 2 ทีมของชะฮีด ฮาจีซาเดห์ สามารถทำสิ่งที่ปกติจะใช้เวลาหนึ่งปีให้สำเร็จภายในสองเดือน”

เขากล่าวเพิ่มเติมว่ารัฐบาลไม่ได้คัดค้านการดำเนินปฏิบัติการ True Promise ทั้งสองครั้ง แต่มีการถกเถียงเพียงเรื่องสถานที่ยิงขีปนาวุธ ก่อนจะมีมติร่วมกันของทุกฝ่าย

การเตรียมพร้อมสู่สงครามและการสูญเสียผู้นำระดับสูง

นาอีนีเปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ศูนย์บัญชาการคาตัม อัล-อันบิยาห์ (Khatam al-Anbiya) ได้ประเมินแล้วว่าสงครามไม่อาจหลีกเลี่ยง และได้จัดการซ้อมรบ “Iqtadar” เพื่อเสริมสร้างอำนาจการยับยั้ง แต่ทั้งการทูตและการป้องปรามไม่สามารถเปลี่ยนการคำนวณของศัตรูได้

“ในวันก่อนสงคราม ชะฮีด ฮุเซน ซาลามี ผู้บัญชาการสูงสุดของ IRGC ได้เดินทางไปบันดาร์อับบาส เพื่อเตรียมความพร้อมกำลังพล” นาอีนีกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนเกิดสงครามสองวัน ซาลามี ยืนยันว่าขีดความสามารถด้านขีปนาวุธของอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40% หลังปฏิบัติการ True Promise 2 และได้พิสูจน์ผลในสงครามล่าสุด

เขายังยืนยันว่าผู้บัญชาการ ซาลามี และ ฮาจีซาเดห์ ถูกโจมตีในที่ทำงาน สะท้อนว่าศัตรูจงใจมุ่งเป้าไปที่ผู้นำทหารระดับสูง

ชั่วโมงแรกของสงครามและการตอบโต้ของอิหร่าน

นาอีนีเผยว่า ฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากโจมตีเวลา 04.00 น. ทำให้ผู้บัญชาการหลายคนเสียชีวิต ก่อนที่ IRGC จะเริ่มปฏิบัติการตอบโต้ด้วยโดรน ตามด้วยการยิงขีปนาวุธในช่วงเย็นวันเดียวกัน

“ในช่วงต้นของสงคราม ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามมีบทบาทโดยตรงในการจัดระบบบัญชาการใหม่” นาอีนีกล่าว “ผมพยายามติดต่อซาลามีแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนทราบว่าตึกของเขาถูกโจมตี”

เขายอมรับว่า IRGC ไม่คาดคิดว่าศัตรูจะมุ่งเป้าโจมตีผู้บัญชาการระดับสูงในระลอกแรก แต่กล่าวยกย่องการตอบสนองของประชาชนว่าเป็น “สิ่งน่าทึ่ง” ซึ่งแสดงถึงเอกภาพและความมั่นคงของชาติ

ขีปนาวุธอิหร่านเจาะระบบป้องกันอิสราเอล

นาอีนียืนยันว่า ในวันที่ 8 ของสงคราม อิหร่านยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งเพื่อส่งสารถึงอิสราเอลว่า “พวกเขาไม่สามารถสกัดได้แม้แต่ลูกเดียว” และภายหลังได้ดำเนินปฏิบัติการทั้งหมด 22 ระลอก เพื่อทำให้ “ศัตรูต้องหนีลงหลุมหลบภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

เขากล่าวว่า “ระหว่างวันที่ 5 ถึง 8 เราได้เปรียบเต็มที่ และในวันสุดท้ายเราชนะโดยสมบูรณ์ ศัตรูพยายามสร้างภาพความแข็งแกร่งปลอม แต่เรายิงขีปนาวุธต่อเนื่องจนถึงวินาทีสุดท้าย”

นาอีนียังเผยว่า กองกำลังอิหร่านสามารถสอยโดรนของศัตรูได้กว่า 80 ลำในช่วงสงคราม 12 วัน และระบุว่าการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ อัล-อูเดด ด้วยขีปนาวุธ 14 ลูก ในจำนวนนี้มี 6 ลูกที่ “โจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ”