(ภาพ) รถตักดินของกองทัพอิสราเอลรื้อทำลายอาคารบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ในเขต ยึดครองเวสต์แบงก์
Presstv – สหประชาชาติกล่าวว่า อิสราเอลได้รื้อทำลายบ้านและโรงเรือนเพื่อการเกษตรกรรมของชาวปาเลสไตน์ไปหลายสิบหลังแล้วตั้งแต่เริ่มต้นปี 2015 ทำให้ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
จากรายงานของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOHA) บ้านและโรงเรือนเพื่อการเกษตรกรรมของชาวปาเลสไตน์ถูกรื้อทำลายไปทั้งสิ้น 77 หลังนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้ประชาชน 110 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นเด็ก ต้องไร้ที่พักพิงในช่วงกลางฤดูหนาวที่หนาวเหน็บในดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง
UNOCHA ยังกล่าวต่อไปอีกว่า อาคารส่วนใหญ่ที่ถูกรื้อทำลายโดยทหารอิสราเอลตั้งอยู่ในพื้นที่ ซี ของเขตยึดครองเวสต์แบงก์
กำลังทหารของอิสราเอลได้ทำลายอาคารบ้านเรือนที่เป็นของชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ ซี และอัล-กุดส์ตะวันออก(เยรูซาเล็ม) ไปเกือบ 600 หลัง ในปี 2014 ทำให้ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 1,200 คน หน่วยงานดังกล่าวของสหประชาชาติระบุ
UNOCHA ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการรื้อทำลายระลอกใหม่นี้ และกล่าวเสริมว่ามันจะส่งผลในการบีบบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องออกไปจากบ้านเรือนของตน
อิสราเอลได้อนุมัติแผนการก่อสร้างที่ตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมายแห่งใหม่อีกประมาณ 430 แห่งบนดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองในเวสต์แบงก์
ภายใต้แผนการขยายที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ของอิสราเอลนี้ จะมีการก่อสร้างที่ตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมายใหม่ 112 หลังในจีวา บินยามิน หรือที่รู้จักกันว่า อาดัม และในเอลกานา 156 หลัง ในอัลเฟ เมนาเช 78 หลัง และในเคอร์ยัต อัรบาอีก 84 หลัง
องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ได้ประณามการดำเนินการของเทลาวีป โดยกล่าวว่า การขยายที่ตั้งถิ่นฐานเท่ากับเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ชาวอิสราเอลมากกว่าครึ่งล้านคนอาศัยอยู่ในที่ตั้งถิ่นฐานมากกว่า 120 แห่ง นับตั้งแต่อิสราเอลได้ยึดครองดินแดนของปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์ รวมทั้งในอัล-กุดส์ตะวันออก (เยรูซาเล็ม) เมื่อปี 1967
ที่ตั้งถิ่นฐานชาวยิวถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับประชาคมนานาชาติจำนวนมาก เพราะดินแดนเหล่านั้นถูกอิสราเอลยึดในการทำสงครามปี 1967 ซึ่งอยู่ในอำนาจของสนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งห้ามการก่อสร้างบนแผ่นดินที่ถูกยึดครอง