Globalnews/ABC – วันนี้ (5 ก.พ.) ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางปฏิเสธคำร้องของกระทรวงยุติธรรม ที่ให้รื้อฟื้นคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการแบนมุสลิม 7 ชาติมิให้เข้าสหรัฐฯ ซึ่งถูกผู้พิพากษาของศาลรัฐบาลกลางสั่งระงับเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
คณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ให้กระทรวงยุติธรรมยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ พื่อล้มล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในนครซีแอตเติลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3) ที่สั่งระงับมาตรการแบนการเดินทางของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมของทรัมป์
ล่าสุดเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (5) ศาลอุทธรณ์ได้แถลงไม่รับฟังคำดังกล่าวของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งคำวินิจฉัยนี้หมายความว่า คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในนครซีแอตเติลที่ให้ชะลอการบังคับใช้คำสั่งแบนการเดินทางยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
Trump Administration's request for immediate administrative stay DENIED. pic.twitter.com/R3tTRPyv3U
— WA Attorney General (@AGOWA) February 5, 2017
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เพิ่งบอกกับผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ทส่วนตัวในปาล์มบีช รัฐฟลอริดาเมื่อวันเสาร์ว่า “เพื่อชัยชนะของประเทศ เราจะชนะ” หลังจากกระทรวงยุติธรรมยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงในการอุทธรณ์คำสั่งของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในซีแอตเติลไม่นาน
สำหรับคำสั่งของประธาธิบดีทรัมป์นั้น ได้สั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ รวมถึงระงับโครงการผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 120 วัน และสั่งห้ามรับผู้ลี้ภัยจากซีเรียไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ซึ่งการประกาศคำสั่งดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงที่สนามบินหลายแห่งทั่วสหรัฐ และส่งผลให้มีการระงับอนุมัติวีซ่าไปแล้ว กว่า 6 หมื่นราย