สตม.ทลายแก๊งอิหร่านแสบ หลอกชาวญี่ปุ่นขน “ยาไอซ์” ไปยุโรป

ภาพ : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

วานนี้ (10 ธ.ค. 61) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) นำเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดชาวอิหร่านหลอกชาวญี่ปุ่นว่าให้มาท่องเที่ยวฟรีแล้วแอบให้ขนยาเสพติดไปยุโรป

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานผ่านเว็บไซต์ว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 61 พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม.ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กรณีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกหลอกให้มาท่องเที่ยวฟรีแล้วขนสิ่งของน่าสงสัย จึงได้มอบหมายให้ ผบก.สส.สตม.ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เพื่อตรวจสอบ

แถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดชาวอิหร่านหลอกชาวญี่ปุ่นว่าให้มาท่องเที่ยวฟรีแล้วแอบให้ขนยาเสพติดไปยุโรป / ภาพ : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

เบื้องต้นทราบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ถูกหลอกจากเว็ปไซต์ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ว่าจะจัดโปรแกรมท่องเที่ยวต่างประเทศให้ฟรี โดยได้ตกลงจัดโปรแกรมให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นที่แรก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 61

ต่อมาคนจากเว็ปไซด์ดังกล่าวได้แจ้งว่า ให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรับกระเป๋าเดินทางจากทีมงานที่ประเทศไทย แล้วเตรียมเดินทางต่อไปที่กรุงเซียงไฮ้ ประเทศจีน และต่อไปยังปลายทางที่กรุงแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยได้ให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายกว่าสองแสนบาท

แต่เมื่อนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเปิดดูสิ่งของในกระเป๋าเดินทางดังกล่าว
พบมีเสื้อผ้าลักษณะแข็งผิดปกติ จึงเริ่มสงสัยและตัดสินใจเข้าขอคำปรึกษากับ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งได้ประสานงานกับ บก.สส.สตม.เข้าตรวจสอบเชื่อว่าน่าจะเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้วางแผนให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวทำทีป่วยหนักไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ และขอให้ส่งคนมารับกระเป๋าเดินทางคืนกลับไป

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 7 ธ.ค. 61 ได้มีนายมูฮัมหมัด อาลี อีซาซี่ สัญชาติอิหร่าน อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้นำกระเป๋าเดินทางมาส่งให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น
มารอรับกระเดินทางกลับคืน จนท.ชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัวและจับกุม ตรวจค้นภายในกระเป๋าเดินทาง พบเสื้อผ้าทีมีลักษณะแข็ง เนื่องจากชุบสารยาเสพติดไว้บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 4 ห่อ ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่ไม่ค่อยได้พบในประเทศไทย และพบยาไอซ์ ชนิดเกร็ดสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระดาษคาร์บอนสีดำ จำนวน 6 ห่อ ซุกซ่อนติดอยู่ผนังด้านข้างด้านในของกระเป๋าเดินทาง โดยมีฟองน้ำปิดทับและมีผ้าสีดำปิดทับอีกชั้นหนึ่ง โดยจากตรวจสอบพบยาไอซ์ น้ำหนักรวม 2.285 กก.
ต่อมาได้ทำการขยายผลจากกล้องวงจรปิดและเอกสารต่างๆ จึงได้เข้าทำการตรวจค้นอีก 2 จุด คือ

จุดที่ 1 ห้องพักคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งภายใน ซ.พัฒนาการ 42 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. สามารถตรวจยึดกระเป๋าเดินทางแบบเดียวกัน ซึ่งมีร่องรอยเคยซุกซ่อนยาเสพติด จำนวน 1 ใบ พร้อมของกลางอื่นๆ

จากนั้นได้ทำการตรวจค้นจุดที่ 2 ห้องพักคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งภายใน ซ.พัฒนาการ ๒๖
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม.สามารถตรวจยึดกระเป๋าเดินทางแบบเดียวกัน ซึ่งซุกซ่อนยาไอซ์ไว้แบบเดียวกันอีก จำนวน 5 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 1.365 กก. พร้อมอุปกรณ์สำหรับการดัดแปลงและซุกซ่อนยาเสพติดเพื่อลักลอบขนออกนอกประเทศไปประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย และ ทวีปยุโรป
สรุปชุดจับกุมสามารถยึดยาไอซ์ได้น้ำหนักรวมทั้งหมด 3.65 กก. และ เสื้อผ้าที่ชุบสารละลายไอซ์น้ำหนักรวม 5.845 กก. เบื้องต้น นายมูฮัมหมัดฯ ให้การยอมรับว่า เป็นผู้นำกระเป๋าเดินทางที่มียาเสพติดไปให้กับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเอง โดยได้รวมกับเพื่อนชาวอิหร่านและเครือข่ายที่ประเทศญี่ปุ่น หลอกชาวญี่ปุ่นให้ท่องเที่ยวต่างประเทศฟรี แล้วให้ถือกระเป๋าซุกซ่อนยาเสพติดเข้าไปในประเทศต่างๆ

เบื้องต้น แจ้งข้อกล่าวหานายมูฮัมหมัดฯ ว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่ง พงส.สน.ลุมพินี ต่อไป แล้วหลังจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นโดยร่วมมือกับ ตร.ญี่ปุ่น เพื่อทลายแก๊งยาเสพติดนี้ต่อไป