MEMO/Presstv – สำนักงานอัยการของซาอุดิอาระเบียกำลังเตรียมพิจาณาคดีผู้ถูกคุมขังซึ่งระบุโดยกลุ่มสังเกตการณ์ว่า เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี หลังจากทำการสืบสวนเสร็จสิ้น สำนักข่าวเอสพีเอของทางการซาอุฯ รายงานเมื่อวันศุกร์ (1 ก.พ.)
อย่างไรก็ตามทางการซาอุฯ ไม่ได้ระบุข้อหาต่อพวกเขา หรือระบุวันที่จะขึ้นศาล แต่อย่างใด
นักเคลื่อนไหวมากกว่าสิบคนถูกจับกุมเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว พวกเขาถูกสงสัยว่าเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของประเทศ และให้การสนับสนุนเครือข่ายของศัตรูในต่างประเทศ
รายงานของสำนักข่าวเอสพีเออ้างถึงแถลงการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งกล่าวว่า มีบุคคล 9 คน ประกอบด้วยชาย 5 คน และผู้หญิง 4 คน ที่ถูกจับกุม
ตัวเลขของสำนักข่างทางการซาอุฯ คลาดเคลื่อนเล็กน้อยกับของกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่รายงานว่า ในเวลานั้นมีการจับกุมนักกิจกรรมที่มีชื่อเสียงอย่างน้อย 11 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เคยรณรงค์เพื่อสิทธิในการขับขี่รถยนต์ และเรียกร้องให้ยุติระบบการปกครองแบบชายเป็นใหญ่ในราชอาณาจักรแห่งนี้
บางคนได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา แต่นักเคลื่อนไหวบอกว่า ผู้หญิงหลายคนถูกขังเดี่ยวเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งต้องเผชิญกับการทรมาน และการล่วงละเมิดทางเพศ
เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งกล่าวว่า ข้อกล่าวหาการทารุณกรรมและการทรมานผู้ต้องขังหญิงนั้นเป็น “เท็จ…และไม่มีความจริงอยู่เลย”
นอกจากกรณีนี้แล้ว ยังมีนักเคลื่อนไหว ปัญญาชน และนักการศาสนา อีกหลายสิบคนที่ถูกจับกุม จากการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านและต่อต้านเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บินซัลมาน ผู้มีอำนาจ รวมถึงการรณรงค์ต่อต้านการทุจริต
กลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ตำหนิซาอุดิอาระเบียต่อการตัดสินใจพิจาณาคดีนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีเหล่านี้ หลังจากพวกเขาถูกขังมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆ
“ซาอุดิอาระเบียกำลังดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี แทนที่จะปล่อยพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข” ไมเคิล เพจ รองผู้อำนวยการฝ่ายตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือขององค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมนไรท์วอทช์” กล่าว
“ทางการซาอุดิอาระเบียไม่ได้ทำอะไรเพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาร้ายแรงเรื่องการทรมาน” เขากล่าวเสริม
ยิ่งกว่านั้น แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวถึงการประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าเป็น “สัญญาณที่น่าตกใจของการปราบปรามนักเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นของซาอุฯ” และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางความคิดโดยทันที
ซามาห์ ฮาดิด (Samah Hadid) ผู้อำนวยการฝ่ายการรณรงค์ในตะวันออกกลางของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า “นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีเหล่านี้ควรได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักขัง เพราะเป็นการเคลื่อนไหวอย่างสันติ ที่ไม่ควรถูกพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่ของซาอุดิอาราเบียยังคงดำเนินการต่อไปในการปราบปรามการเซ็นชื่อ (เรียกร้อง) ของพวกเขา”
ในบรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ถูกซาอุฯ จำคุกคือ อาซีซะห์ อัลยูเซฟ (Aziza al-Yousef) ศาสตราจารย์วัยเกษียณที่มหาวิทยาลัยคิงซาอูด ในกรุงริยาด และ ลูเจน อัล-หัซลูล (Loujain al-Hathloul) ผู้ถูกจับกุมและถูกคุมขังนานกว่า 70 วันในปี 2014 หลังจากที่เธอพยายามขับรถจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ไปยังซาอุดิอาระเบีย
ลูเจนเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ต้องเผชิญกับการคุกคามทางเพศ และการทรมานในระหว่างการสอบสวน ตามที่ครอบครัวของเธอและกลุ่มสิทธิระบุ
หลังการจับกุม หนังสือพิมพ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลได้ตีพิมพ์ภาพของนักเคลื่อนไหวบางคนในหน้าหนึ่ง พร้อมกับคำว่า “คนทรยศ” ที่ประทับตราพวกเขาด้วยสีแดง
จากประเทศเดียวของโลกที่ห้ามผู้หญิงขับขี่รถยนต์ ซาอุดิอาระเบียเพิ่งยกเลิกข้อห้ามนี้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2561 ปีที่ผ่านมานี่เอง การยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวได้เกิดขึ้นหลังจากมีการปราบปรามนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่มีชื่อเสียงซึ่งได้ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันเพื่อสิทธิในการขับขี่