3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สุดอันมีจังหวัดนราธิวาส ยะลา และจังหวัดปัตตานีกับบางส่วนของจังหวัดสงขลา คือ อำเภอเทพา สะบ้าย้อยและจะนะ เป็นพื้นที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งมีมายาวนานนับตั้งแต่พื้นที่เหล่านั้นรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศไทย แต่เพราะชาติพันธ์และศาสนาจึงไม่สามารถที่จะผสมกลมกลืนได้อย่างแนบสนิท เหมือนคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)และภาคเหนือ
มี การปะทะการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคน หรือขบวนการกับอำนาจรัฐอย่ตลอดเวลา ในอดีตการปราบปรามอย่างรุนแรงในเหตุการณ์ที่รู้จักกันในนามกบฏดุซ.ญอ แต่วันนี้ที่ดูจะหนักและหน้าเศร้าสลดในการสลายม๊อบและปราบปรามการประท้วงที่ อำเภอตากใบ เขตแดนมาเลเซีย และมัสยิดกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
มี ความพยายามจากหลายรัฐบาลพยายามจะยุติปัญหาความรุนแรงที่นำไปสู่ความตาย บาดเจ็บ ของข้าราชการและประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่ที่ผ่านมายิ่งแก้ยิ่งเพิ่มปัญหาหรือสร้างปัญหามากขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ จนเป็นที่รู้ของคนทั่วไปไม่เฉพาะคนในประเทศเท่านั้น แม้คนทั้งโลกยังรับรู้จนเป็นที่สนใจและจับตามอง ไม่ว่ากลุ่มของ Organization Islamic Conference (OIC) หรือกลุ่ม Itumen rightwatch หรือ limited Nation (LIN)
วัน นี้แสงสว่างของสันติภาพพอมองเห็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์ ตั้งแต่รัฐบาลปัจจุบันได้เปิดการเจราจากับกลุ่มขบวนการทั้งหลายโดยมีผู้นำ เจราจา คือ ฮาซัน ตอยิบ กับตัวแทนของรัฐบาลไทย คือ ภราดร พัฒนฐาบุตร เจราจามาแล้ว 3 ครั้ง นัยว่าครั้งที่ 4 จะเจราจาในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ หลายคนให้ข้อสังเกตว่าเจรจามาแล้วถึง 3 ครั้งยังไม่เห็นได้อะไร ความสงบก็ยังไม่เกิด บางคนเสนอให้ยุติการเจรจาเสีย เพราะไม่เห็นได้ประโยชน์
ความจริง ถ้าเราพยายามทำความเข้าใจ เอาเหตุผลเป็นที่ตั้งแทนอารมณ์ความรู้สึก ต้องยอมรับว่าความไม่สงบเกิดขึ้นมานานนับเป็นร้อยปี คงเป็นไปไม่ได้ที่การเจราจาเพียงสองครั้งจะสามารถยุติปัญหาได้ทันที ต้องใช้เวลาอีกนาน และอย่าไปคาดหวังอะไรจนเลิศเลอ ที่จริงผ่านมาในแง่ของความเป็นจริงเชื่อว่ายังไม่เข้าสู่ภาวการณ์เจรจา เป็นเพียงสร้างความรู้จัก เพื่อความคุ้นเคยมากกว่า และฝ่ายขบวนการ BRN เสนอ 5 ข้อ ผ่าน Internet นั้นน่าจะเป็นข้อเสนอเบื้องต้นก่อนการเจรจามากกว่า ซึ่งหากทางรัฐบาลไทยไม่รับข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้เลย ก็คงไม่มีการเจรจาในสิ่งที่ต้องการจริง ซึ่งมีอะไรบ้างวันนี้ยังไม่มีใครรู้ได้
ปัญหา มีอยู่ว่าทั้งสองฝ่ายต้องการให้เกิดสันติภาพจริงหรือไม่ ถ้าต้องการก็ต้องยอมรับให้มีการเจรจาต่อไป การเจรจาการปฏิเสธก็เหมือนปฏิเสธสันติภาพและแม้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความตั้งใจ บริสุทธิ์ใจที่จะสร้างสันติภาพ โดยการเจรจา แต่ต้องไม่ลืมปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีมือที่สามที่พยายามไม่ให้เกิดความสำเร็จ ในการเจรจา เพื่อนำความสงบกลับคืนมาจะมีกี่กลุ่มกี่พวกมุ่งหวังประโยชน์อะไรบ้าง ก็สุดแล้วแต่ แต่มือที่สามนี้จะเป็นอุปสรรคใหญ่ในการเจรจา รัฐบาลจึงต้องคลี่คลายให้ได้ว่า มือที่ 3 นั้นเป็นใคร ดังเช่นคำพูดของ ฮาซัน ตอยิบ หัวหน้ากลุ่มขบวนการ BRN ที่ว่า “ผมขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของโต๊ะอีหม่ามมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี แต่เราก็ไม่ทราบว่ามันเป็นฝีมือของใคร ขอยืนยันอีกครั้งว่า เป้าหมายการโจมตี ของเราคือกำลังติดอาวุธอย่างเดียว เราไม่โจมตีเป้าหมายอ่อน หรือเป้าหมายเศรษฐกิจใครโจมตีเป้าหมายเหล่านี้ เราก็ไม่ทราบเหมือนกันต้องรอผลการสอบสวน ”
ผู้ เขียนเชื่อว่าหากรัฐบาลไม่สามารถคลี่คลาย หรือกำจัดมือที่ 3 ออกไปให้หมดได้ เพื่อไม่ให้ก่อปัญหาโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ทำให้เกิดความสับสนและหวาดระแวงต่อ กัน การเจรจาสุดท้ายที่สุดจะล้มเหลว
นั่น แสดงว่า ความตายของอิหม่ามยะโก๊บ ซึ่งเป็นอิหม่ามมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี หรือความตายของของบุคคลอื่นที่ถูกยิงกราดตามร้านกาแฟ หรือการอาคารมัสยิดก็ดี หรือยิงประชาชน คนธรรมดา ที่มิใช่ทหารหรือกองกำลังติดอาวุธ น่าจะตอกย้ำว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 จริงเหมือนชายชุดดำในเหตุการณ์ประท้วงของคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์
และ ผู้เขียนเห็นว่าถ้ามีการถอนกองกำลังทหารออกไป การปะทะและการโจมตี ฆ่ากันรายวันน่าจะหมดไป และจะเป็นบทพิสูจน์ว่าคำพูดของกลุ่มขบวนการที่ว่า”เราโจมตีเฉพาะกองกำลังติด อาวุธ เราไม่โจมตีเป้าหมายก่อน”เป็นจริงหรือไม่ถ้าเหตุการณ์ความรุนแรงยังคงมีอยู่ ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก็คงง่ายขึ้นในการที่จะค้นหาว่าใครเป็นผู้กระทำ และหากรัฐบาลถอนกำลังทหารจริง อย่างน้อยก็ถือได้ว่าสนองตอบต่อข้อเสนอที่มีอยู่ 1ใน5 ข้อที่เรียกร้อง ย่อมนำไปสู่การพัฒนาในการเจรจาในทางที่ดีขึ้น
ความ มีอยู่จริงของมือที่ 3 เป็นที่ยอมรับโดยท่านรองนายกรัฐมนตรีประชา พรหมนอก ในคราวสัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์ช่อง 3 กรณีมีการยิงมัสยิดที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ฉะนั้นรัฐบาลต้องใช้กลไกของรัฐค้นหาความจริงว่ามือที่ 3 เป็นใครอย่าให้ดำมืดเหมือนชายชุดดำ ในคราวประท้วงที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯ เพราะหากค้นพบแก้ปัญหามือที่ 3 ได้ น่าจะเป็นประตูเปิดในการแก้ปัญหาความสงบสร้างสันติภาพในปลายด้ามขวานได้ อย่างแน่นอน
ดร.ฟาริดา สุไลมาน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายสมัยจังหวัดสุรินทร์ อดีตรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์