เดือนรอมฏอนเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วโลก เหลืออีกไม่กี่วันก็จะพ้นเดือนแห่งความประเสริฐ เดือนแห่งความโปรดปราน
สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตลอดเดือนรอมฏอนที่ผ่านมานี้ ได้มีเหตุการณ์รุนแรงทั้งระเบิดและการยิง ฆ่ากันตายหลายศพ โดยเฉพาะทหารที่ไปปฏิบัติการ วันที่เขียนบทความนี้ได้เห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มติชนรายวันหน้า 10 ของวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 เป็นคอลัมน์เล็กๆขึ้นหัวเรื่องว่า “ยิง มัสยิดปัตตานีไร้เจ็บ พล.ต.อ.ประชาชี้พวกก่อกวน” ทำให้นึกถึงสนธิสัญญาด้วยวาจา ระหว่างตัวแทนของรัฐบาลนำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนาฐาบุตร ฝ่ายหนึ่ง กับกลุ่มขบวนการนำโดย นายฮาซัน ตอยิบ หัวหน้าขบวนการบีอาร์เอ็นอีกฝ่ายหนึ่ง ว่าจะไม่ก่อความไม่สงบขึ้นในเดือนรอมฏอน เดือนแห่งการถือศีลอด เดือนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิม
ก่อนที่จะถึงเดือนแห่งการถือศีลอด ได้มีการคาดเดาจากหลายฝ่ายทั้งนักการเมือง ทั้งสื่อมวลชน ทั้งประชาชนคนเดินดินว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะไม่เกิดเหตุการณ์ให้เป็นไปตามที่สัญญาให้ไว้
ผู้เขียนเองตั้งแต่แรกก่อนถึงเดือนรอมฏอน จากประสบการณ์ที่เรียนรู้ สัมผัสมา มีความเชื่อและความรู้สึกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือจะมีความสงบตลอดทั้งเดือนนี้ ทั้งนี้เพราะนายฮาซัน ตอยิบเป็นตัวแทนในการเจรจาของกลุ่มต่างๆ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยังมีีหลายกลุ่มที่ยังไม่เข้าร่วม เพราะไม่เห็นด้วยในการเจรจาในครั้งนี้ ซึ่งนายฮาซัน ตอยิบ คงเข้าไปครอบงำหรือสั่งการไม่ได้ จะได้ก็เฉพาะในบางกลุ่มขบวนการที่เห็นด้วยกับเขาเท่านั้น
หรือหากแม้ว่าทุกกลุ่มของกลุ่มขบวนการเห็นด้วยที่จะหยุดปฏิบัติการในเดือนนี้ โดยความเป็นคนในพื้นที่ ก็พอจะรู้ว่า ยังมีบุคคล หรือกลุ่มที่ 3 ที่อาจมากระทำก่อกวนเพื่อมิให้เกิดความสงบ
กลุ่มที่3 หรือมือที่ 3 หรือมือมืดนี้ บุคคลภายนอกในพื้นที่ไม่มีใครรู้ว่ามี แต่คนในพื้นที่ค่อนข้างรู้ และค่อนข้างจะเชื่ออย่างมั่นใจว่ามีแน่!!
แม้ว่าการปฏิบัติการทุกครั้ง ไม่เคยมีการถูกจับให้เห็นเป็นประจักษ์ โดยเฉพาะการกราดยิงในร้านนำ้ชา หรือตามร้านกาแฟริมท้องถนน ที่เป็นเหตุให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายบาดเจ็บไปคราวละหลายๆ คน หรือเหตุการณ์การยิงมัสยิดที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ชาวบ้านจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย นั่นคือการพูดของชาวบ้านตามร้านกาแฟ หรือเมื่อมีการชุมนุมพบปะกัน
วันนี้ตามข่าวบอกว่า การยิงที่มัสยิดดารุลอามาน ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงที่409 ระหว่างต.นาเกตุ อ.เมือง จ.ยะลา หมู่ที่ 3 บ้านเกาะตา ต.ทุ่งพล่า อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เป็นพวกก่อกวนต้องการสร้างสถานการณ์ ไม่ใช่แนวร่วมของบีอาร์เอ็น” ถ้าข้อสรุปหรือคำพูดของท่านรองนายกรัฐมนตรีเป็นจริง ก็จะเป็นการยืนยันว่า มือมืดหรือมือที่ 3 มีอยู่จริง ที่จะพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดความสงบ และอาจให้การเดินหน้าสู่การเจรจาไปสู่สันติภาพนั้นล้มเหลว
ดังนั้นเพื่อให้การเจรจาเดินหน้าต่อไป ทุกฝ่ายต้องมีความอดทน อดกลั้น และต้องเปิดใจให้กว้างในการรับรู้ข่าวสาร โดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องค้นหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งว่า ความจริงคืออะไร? ใครเป็นคนทำ? และอย่าบิดเบือนความจริง เหมือนกรณีชายชุดดำในเหตุการณ์ฆ่าคนตายทั้งทหารและประชาชนในการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว หรือที่แยกราชประสงค์ ถ้ารัฐบาลตั้งใจจริง บริสุทธิ์ใจจริงในการแก้ปัญหาเพื่อบรรลุผลตามที่ตั้งใจไว้ รัฐบาลจะต้องจำสัจธรรมอย่างหนึ่งที่กล่าวมานานแล้ว และสามารถใช้ได้ตลอดกาลคือ “จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น”
จงค้นหาความจริงที่เป็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อในวันข้างหน้า ช้าหรือเร็วปัญหาย่อมแก้ได้ เพราะปัญหาทุกอย่างมีให้แก้ จึงขออำนวยพรให้รัฐบาลประสบผลสำเร็จเพื่อความสงบในสามจังหวัดภาคใต้ 4อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้กลับคืนมาสู่ประชาชน
ดร.ฟาริดา สุไลมาน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายสมัยจังหวัดสุรินทร์ อดีตรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์