“สังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ครุมกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์ บัญญัติ บก.มุสลิมไทยโพสต์เข้ารีตชีอะฮ์ รอฟีเฎาะฮ์ หลงทางหาทางกลับไปเจอ หลังถูกเผยภาพ ถ่ายรูปเคียงข้างทูตอิหร่านหราในเฟสบุ๊ค”
จากกรณีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้เชิญมีการ์ดเชิญนาย บัญญัติ ทิพย์หมัด บรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์มุสลิมไทยโพสต์ เว็บไซด์มุสลิมไทยโพสต์ด็อทคอม และ CEO บริษัท เอ็มเน็ตโซลูชั่น จำกัด ในฐานะสื่อมวลชน เพื่อไปร่วมกันละศีลอดที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลาม จัดขึ้น ณ โรงแรมดุสิตธานี พระรามสี่ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 18.30 น.ของวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา
นายบัญญัติ ทิพย์หมัด เปิดเผยว่า… “เป็นปกติของสื่อมวลชนที่จะได้รับเชิญไปงานเลี้ยงล่ะศีลอดเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะปีนี้มีเทียบเชิญกว่า 20 งานด้วยกัน ตลอดเดือนรอมฏอน เช่น เมื่อสถานทูตอเมริกาเชิญตนก็ไปในฐานะสื่อมวลชน แต่มิได้หมายว่า การไปร่วมล่ะศีลอดกับสถานทูตอเมริกาจะต้องกลายเป็นคริสเตียน หรือเมื่อรัฐบาลเพื่อไทยจัดเลี้ยงล่ะศีลอด และผู้ร่วมงานที่ไปทำเนียบรัฐบาลในสมัยเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะต้องสังกัดพรรคเพื่อไทยหรือต้องเป็นคนเสื้อแดง เช่นเดียวกัน ในสมัยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาล ทางรัฐบาลก็ได้เชิญเชิญสื่อมวลชนมุสลิมไปร่วมงานเลี้ยงล่ะศีลอดที่ทำเนียบ รัฐบาล คนที่ไปทุกคนจะต้องสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หรือเป็นคนเสื้อเหลือง การคิดแบบนี้บ่งชี้ถึงความใจแคบมากเกินไป ซึ่งสื่อมวลชนมุสลิมหรือสื่อมวลชนทั่วไป เมื่อได้รับเชิญจากที่ใดหากมีความสามารถ ก็จะเดินทางเพื่อไปร่วมในงานดังกล่าว ที่สำคัญสื่อมวลชนคือคนของสังคม
นายบัญญัติกล่าว เสริมว่า “ในงานดังกล่าวมีผู้นำทางสังคมมุสลิมไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ และอิหม่ามมัสยิดต่างๆ ไปร่วมกันเป็นเกียรติในการละศีลอดครั้งนี้ เช่น นาย นัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย นายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาจารย์มัรวาน สะมะอุน ศ.ดร.จรัล มะลูลีม ดร.ทศพร มะหะหมัด ดร.ศราวุธ อารี อาจารย์การุณ กูใหญ่ อาจารย์ประสาน(ชารีฟ) ศรีเจริญ ท่านดาโต๊ะนาซีเราะห์ ฮุสเซ็น เอกอัครราชทูตมาเลเซีย และผู้นำสังคมอื่นๆ เมื่อมีการเลี้ยงละศีลออดเสร็จ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนเรื่องศาสนา ลัทธิความเชื่อความแตกต่างทางสำนักคิดนั้น เป็นเรื่องปกติทางสังคม เป็นความหลากหลาย ที่สังคมมุสลิมต้องให้เกียรติกันและกันในการนับถือศาสนา ลัทธินิกาย ต้องเสพข้อมูลทางศาสนาที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อมูลที่ให้ร้ายฟิตนะฮ์ สังคมมุสลิมต้องการเอกภาพ หากเราไม่สุดโต่งจนเกินไป เข้าใจอัล-กุรอ่าน ในเรื่องประชาชาติสายกลาง เราก็จะไม่มีปัญหากับมุสลิมหรือพี่น้องต่างศาสนิกกลุ่มใด สังคมมุสลิมเป็นสังคมอุดมปัญญา ตนเป็นนักธุรกิจและเป็นสื่อมวลชน ตนรู้ว่าต้องมีจุดยืนที่ตรงไหน อะไรควรหรือไม่ควร”
กรณี ของสำนักข่าวมุสลิมไทย www.facebook.com/muslimthaiclub ซึ่งมีแฟนเพจเกือบ 400,000 คน และเว็บไซต์ www.muslimthaipost.com ก็เช่นเดียวกัน เราได้มีการนำเสนอข่าวสารทุกแง่มุม ทุกเรื่องทุกศาสนา โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของต่างชาติ ต่างประเทศ และที่สำคัญประเทศอิหร่านเอง ก็มีผู้นับถือศาสนาทั้งชีอะห์และซุนนี
หากตัวเราเองเข้มแข็ง ศึกษาศาสนาอย่างลึกซึ้ง การที่จะทำให้มนุษย์หนึ่งคนเปลี่ยนแนวคิดเปลี่ยนหลักการ อัลเลาะห์เท่านั้นที่ฮิดายะห์ ดังนั้นเราเป็นคน อย่างไปตัดสินใครเลย เพราะมันจะสร้างฟิตนะฮ์ให้เกิดขึ้นกับผู้ที่เราไปตัดสินนั้นเอง บัญญัติ กล่าวทิ้งทาย – www.muslimthaipost.com
ที่มา:
www.muslimthaipost.com
