สปุตนิก – การโจมตีด้วยโดรนของกบฎฮูซีแห่งเยเมนต่อโรงงานหลักสองแห่งของ “ซาอุดี อารามโก” รวมถึงโรงผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลก ซึ่งซาอุฯ ยืนยันว่าประมาณครึ่งหนึ่งของการผลิต ซึ่งคิดเป็นประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของโลกได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 ก.ย.) ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เคลเลียนน์ คอนเวย์ (Kellyanne Conway) ปรากฏตัวในฟอกซ์นิวส์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ชาวอเมริกัน ว่ากระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ “พร้อมที่จะปล่อยน้ำมันสำรอง SPR (Strategic Petroleum Reserve) หากเราต้องทำให้อุปทานพลังงานทั่วโลกมีเสถียรภาพ” ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันของอินเดียกล่าวกับรอยเตอร์ว่า “ซาอุดี อารามโก” ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ‘ไม่ส่งผลกระทบในตอนนี้” กับการส่งมอบน้ำมันดิบ โดยกล่าวว่าบริษัทมีน้ำมันสำรองที่จะดึงออกมา
ผู้นำเข้าน้ำมันซาอุฯรายใหญ่อื่นๆ รวมถึงจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีโดยตรง แต่มีความเป็นไปได้ว่ามีความกังวลเหมือนๆ กัน เมื่อซาอุฯ สูญเสียกำลังการผลิตประมาณ 12.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สปุตนิกรายงานอ้างแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมน้ำมันไม่เปิดเผยชื่อ บอกว่า อาจต้องใช้เวลาเป็น “ สัปดาห์ไม่ใช่วัน” สำหรับการคืนสถานะการผลิตของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวที่ซาอุดิอาระเบียมีต่อราคาพลังงาน และเศรษฐกิจโลกโดยทั่วไป
ด้าน ดร.นาฟิส อลัม (Dr. Nafis Alam) ศาสตราจารย์ด้านการเงินและการวิจัยในมาเลเซียร่วมกับ Cambridge Centre for Alternative Finance กล่าวว่า เขาคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่คาดว่าอุปทานจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว
“แน่นอนว่าในระยะสั้นราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้น 5-10 เหรียญ [ต่อบาร์เรล] เมื่อตลาดเปิดในเช้าวันจันทร์ แต่ในระยะยาวคาดว่าจะมีการขึ้นเล็กน้อย” ดร.อลัมกล่าว “ในความเป็นจริงความรู้สึกเดียวกันนี้สะท้อนโดยหน่วยงานพลังงานระหว่างประเทศ เนื่องจากตลาดได้รับสต๊อกสินค้าที่เพียงพอ” เขาอธิบาย
ในเวลาเดียวกันเขาเตือนว่า “ปัญหาใหญ่ที่ต้องเผชิญของจริง คือผลกระทบทางการเมืองจากการโจมตีนี้ ที่สหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกำลังตำหนิอิหร่าน ซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง” ซึ่งในทางกลับกัน “สามารถเร้าความกังวลเกี่ยวกับปริมาณทรัพยากรในอนาคตได้อีก”
น้ำมันบาร์เรลละ 100 เหรียญสหรัฐ
ผู้สังเกตการณ์คนอื่น ๆ รวมถึง บ็อบ แมคนาลลี่ (Bob McNally) ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและที่ปรึกษาด้านพลังงานของวอชิงตันได้เตือนเมื่อวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นอย่างน้อย 15-20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากความเสียหายต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการซ่อมแซม และจะเข้าสู่ขอบข่ายมากกว่า 100 เหรียญ หากการซ่อมแซมของ อารามโกใช้เวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่า
ในทำนองเดียวกัน เกร็ก นิวแมน (Greg Newman) ซีอีโอของ บริษัท Onyx Commodities ซึ่งเป็น บริษัทการค้าในกรุงลอนดอนกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ราคาน้ำมันที่ 100 + เป็นไปได้หากริยาดไม่สามารถแก้ไขปัญหาอุปทานได้อย่างรวดเร็ว
9/11 ของจักรวาลน้ำมัน
ดร.ติลาก โดชี (Dr.Tilak Doshi) ผู้จัดการที่ปรึกษาด้านเอเชียของ Muse & Stancil ที่ปรึกษาระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานเสนอมุมมองที่น่ากลัวที่สุดจากเหตุการณ์โจมตีในวันเสาร์ โดยอ้างว่า “ในจักรวาลน้ำมันการโจมตีครั้งนี้อาจเทียบเท่ากับการโจมตีในเหตุการณ์ 9/11 โรงงานอับกีค [ของซาอุดีอาระเบีย] เป็นแหล่งผลิตและแปรรูปน้ำมันที่สำคัญที่สุดเพียงแห่งเดียวในโลก”
“ สำหรับรัฐบาลในเอเชีย บางทีสิ่งนี้อาจทำให้เกิดความกังวลตลอดกาลต่อความปลอดภัยของการจราจรเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซ ด้วยความกังวลที่รุนแรงยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของการทำลายล้างโดยตรงของการสู้รบระหว่างพันธมิตรซาอุกับอิหร่าน” โดชีกล่าว
Video footage from the Yemeni #Houthi drone attack on Aramco in #Saudi Arabia. https://t.co/oFegmz5SvH pic.twitter.com/NzT1v6KngO
— Ali Özkök (@Ozkok_A) September 14, 2019