สปุตนิก/เพรสทีวี – ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวในวันอังคาร (17 ก.ย.) ว่า เตหะรานจะไม่เจรจากับวอชิงตันในทุกระดับ และเสริมว่านโยบายดดันสูงสุดของสหรัฐฯ จะล้มเหลว
“เจ้าหน้าที่อิหร่านจะไม่เจรจากับอเมริกา …. นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของพวกเขา ((สหรัฐฯ) ที่จะกดดันอิหร่าน … นโยบายกดดันสูงสุดของพวกเขาจะล้มเหลว” คาเมเนนีกล่าวตามที่ทีวีรัฐรายงาน
คาเมเนอีกล่าวว่า การเจรจากับอิหร่านจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ กลับสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งถูกละทิ้งเมื่อปีที่แล้ว และวอชิงตันได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน
“ หากสหรัฐอเมริกาถอนคำพูด กลับใจ และกลับไปสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ตนละเมิด จึงจะสามารถมีส่วนร่วมในการลงนามข้อตกลงและเจรจากับอิหร่าน…ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการเจรจาไม่ว่าในระดับใด ระหว่างเจ้าหน้าที่อิหร่านและอเมริกันทั้งในนิวยอร์กและที่อื่นๆ” ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าว
สถานการณ์ในภูมิภาคได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากโรงงานผลิตน้ำมัน “อารามโก” ของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีด้วยโดรน แม้กลุ่มกบฏฮูซีเยเมนจะออกมาประกาศความรับผิดชอบ ทว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ ปอมเปโอ ก็ออกมากล่าวหาอิหร่านทันควัน โดยเขาทวีตว่า “เตหะรานอยู่เบื้องหลังการโจมตีซาอุดีอาระเบียเกือบ 100 ครั้ง”
เมื่อวันก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากหลักฐานที่เขาเห็น ดูเหมือนว่าอิหร่านจะเป็นผู้รับผิดชอบในการโจมตีโรงงานน้ำมัน ซาอุดี อารามโก
นอกเหนือจากการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียแล้ว สถานการณ์ในภูมิภาคก็ตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษโดยเจ้าหน้าที่อิหร่านโดยอ้างเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายทางทะเล และการโจมตีเรือขนน้ำมันโดยกองกำลังไม่ทราบฝ่ายในอ่าวเปอร์เซีย
หลังจากการโจมตีนี้ สหรัฐฯ ได้เพิ่มกำลังทหารในอ่าว โดยอ้างถึงภัยคุกคามจากอิหร่าน และเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมการลาดตระเวนในอ่าว
