“ตุรกี-ซีเรีย-รัสเซีย” บนขอบเหวสงครามในอิดลิบ!!

แฟ้มภาพ: ทหารกองทัพซีเรียถือธงชาติในขณะที่ยืนบนยานพาหนะทางทหารในข่าน เชคคุน อิดลิบ ซีเรีย © REUTERS / Omar Sanadiki via RT

พัฒนาการที่น่าระทึกใน “จังหวัดอิดลิบ” ของซีเรียปะทุขึ้นเมื่อทหารตุรกีหลายสิบคนถูกฆ่าตายจากการโจมตีทางอากาศของซีเรีย และอังการาตอบโต้คืนด้วยความโกรธแค้น แต่ถ้าใครติดตามความขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่องจะรู้ว่าอุณหภูมิเดือดนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดอิดลิบ (Idlib) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่ติดกับตุรกี เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดี “บาชาร์ อัสซาด”  ภูมิภาคนี้ได้รับการยกเว้นจากการโจมตีของกองทัพซีเรียในปี 2018 ตามคำร้องขอจากตุรกี ซึ่งระบุว่า ไม่ต้องการเผชิญกับการหลั่งไหลเข้ามาของผู้ลี้ภัยใหม่จากซีเรีย หลังจากที่อังการารับผู้คนไปแล้วกว่า 3.6 ล้านคน

ใครกำลังต่อสู้ใคร?

นักรบจำนวนมากในอิดลิบมาจากที่อื่น บางคนเป็นทหารรับจ้างต่างชาติที่เดินทางมาซีเรียเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มญิฮาดิสต์ที่ได้รับทุนจากประเทศต่างๆ เช่น กาตาร์และซาอุดิอารเบีย และไม่ได้ออกจากประเทศนี้หลังจากการเข้ามาแทรกแซงทางทหารของรัสเซีย อีกบางส่วนเป็นชาวซีเรียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลในเมืองที่ถูกรัฐบาลยึดคืนไปแล้วอย่างอะเลปโป (Aleppo) หรือดูมา (Douma) และได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านเข้าไปยังอิดลิบได้อย่างปลอดภัย

ตุรกีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของนักรบต่อต้านอัสซาดมีอิทธิพลในหมู่กลุ่มติดอาวุธในอิดลิบและจังหวัดอื่นๆ เช่น กลุ่มฮายัต ตะรีร์ อัชชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS)  ญิฮาดิสต์ที่สำคัญของซีเรียซึ่งเคยให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อ “อัลกออิดะห์” ในความเป็นจริงพวกหัวรุนแรงเหล่านี้บางครั้งก็ต่อสู้เคียงข้างกลุ่มที่ได้รับการหนุนหลังจากตุรกีเพื่อต่อต้านกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลซีเรียและพันธมิตร

ข้อตกลงหยุดยิงพูดเกี่ยวกับอะไร?

ข้อตกลงระหว่างตุรกีกับรัสเซียในเดือนกันยายน 2018 ได้กำหนดแนวทางการลดความรุนแรงในอิดลิบ มีการตกลงจัดตั้ง “เขตปลอดทหาร” (DMZ) ภายในพื้นที่ที่มีการสู้รบ และกำหนดให้กลุ่มก่อการร้ายทั้งหลายรวมถึง HTS ต้องออกจากเขตกันชนนี้โดยสิ้นเชิง ในขณะที่กลุ่มกบฏที่ถูกเรียกว่า “สายปานกลาง” ถูกเรียกร้องเพียงให้ถอนอาวุธหนักออกไปเท่านั้น

ดามัสกัสเห็นด้วยที่จะหยุดการสู้รบนี้ ขณะที่อังการาถูกคาดหวังว่าจะใช้อิทธิพลของตนที่มีในจังหวัดแห่งนี้ของซีเรียในการโน้มน้าวกลุ่มอิสระให้สังเกตการหยุดยิง และในที่สุดก็นำไปสู่การยุติสงครามที่ยั่งยืน ฐานสังเกตการณ์หลายแห่งถูกก่อตั้งขึ้นโดยตุรกีเพื่อติดตามสถานการณ์บนภาคสนาม

แต่ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ตามที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากัน ว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง รัสเซียก็ไม่พอใจกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ก่อการร้ายในอิดลิบได้เปิดตัวการโจมตีด้วยโดรนอย่างสม่ำเสมอต่อฐานทัพอากาศรัสเซียในลาตาเกีย

ในความเป็นจริงเกิดอะไรขึ้น?

ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มต่างๆ ของฝ่ายญิฮาดิสต์ก็ยังคงก่อกรรมทำชั่วอยู่ในอิลิบ โดย HTS ได้อำนาจการปกครองและยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดอิดลิบ กองทัพซีเรียกลับมาบุกอีกครั้งในเดือนเมษายน 2019 และเริ่มยึดหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ในภาคใต้ของอิดลิบ

นอกเหนือจากการคำนึงถึงเรื่องความมั่นคงแล้ว ยังมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ซารากิบ (Saraqib) เมืองทางตะวันออกของอิดลิบ (ซึ่งการต่อสู้ที่รุนแรงปะทุในเดือน ก.พ.) ตั้งอยู่บนทางหลวงที่เชื่อมระหว่างอะเลปโปทางตอนเหนือ กับฮามา ฮอมส์ และกรุงดามัสกัส ทางตอนใต้ของซีเรีย

ความรุดหน้าของกองทัพซีเรียในการบุกยึดคืนพื้นที่ทำให้อังการาตกใจ เพราะมันเปลี่ยนสมดุลของอำนาจในพื้นที่นี้ และเปิดทางให้สามารถรุกเข้าอิดลิบได้ นอกจากนี้ยังทำให้กองทหารตุรกีและซีเรียเข้ามาใกล้มากขึ้นซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะปะทะกันโดยตรง

ตุรกีสูญเสียกองทหารครั้งแรกในไฟสงครามอิดลิบเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากหนึ่งในขบวนรถถูกโจมตีโดยการโจมตีทางอากาศของซีเรีย ในทางกลับกันดามัสกัสได้อ้างว่าพวกเติร์กเหล่านี้กำลังจัดหาอาวุธและกระสุนให้กับกลุ่มญิฮาดิสต์ เหตุการณ์ที่คล้ายกันมากเกิดขึ้นล่าสุดและร้ายแรงที่สุดเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ที่ทหารตุรกี 33 นายถูกสังหารและบาดเจ็บอีกหลายสิบนาย ตุรกีตอบสนองโดยการโจมตีกองทัพซีเรียในอิดลิบ

มอสโกกล่าวว่ากองทัพอากาศรัสเซียไม่ได้มีส่วนร่วมในการโจมตีนี้ แต่ก็ระบุว่าการสูญเสียของตุรกีอาจเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมหากตนไม่ได้เข้าแทรกแซงเพื่อหยุดยั้งทหารฝ่ายซีเรีย ทหารรัสเซียกล่าวเพิ่มเติมว่า การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของ HTS และกองทัพตุรกีไม่ควรอยู่ที่นั่นตามบันทึกทางทหารของอังการา

จากสถานการณ์ร้อนในอิดลิบทำให้ความสัมพันธ์ของตุรกีกับรัสเซียกำลังมุ่งไปยังจุดต่ำสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ในปี 2015 ซึ่งเครื่องบินรบของรัสเซียถูกยิงโดยเครื่องบินรบตุรกีบนชายแดนซีเรีย-ตุรกี การเจรจาหลายรอบระหว่างทั้งสองประเทศล้มเหลวท่ามกลางสถานการณ์ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง