อุละมาอฺท้องพระโรง​ : แนวร่วมขยายความชั่ว​ ต่อต้านความดี

วันศุกร์ที่ผ่านมา​ ดร.​อับดุรรอห์มาน​ อัสสุดัยส์ ผู้ซึ่งถูกแต่งตั้งจากรัฐบาลซาอุฯให้เป็นหัวหน้ากำกับดูแลกิจการสองมัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์​ ได้กล่าวคุฏบะฮสำคัญในมัสยิดอัลหะรอมที่เป็นดวงใจของโลกอิสลามในเชิงสดุดีต่อการสถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐเถื่อนอิสราเอล​ โดยอ้างอิงการปฏิบัติของบรมศาสนทูตต่อชาวยิวคัยบัร​ หลักการจงรักภักดีและการสลัดให้หลุดพ้น​ الولاء والبراء รวมทั้งอ้างว่าการสถาปนาความสัมพันธ์กับไซออนิสต์เป็นโอกาสที่มุสลิมจะได้ใช้เพื่อโน้มน้าวใจพวกเขาให้เห็นถึงความงดงามของอิสลามและหยุดการรังแกมุสลิม​ !!!

คล้าย​ ๆ​ กับเหตุผลของ​ ศ.ดร.อับดุลอฮ บิน​ บัยยะฮ​ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เห็นว่าการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นอำนาจเฉพาะของผู้นำที่ประชาชนไม่ควรก้าวก่าย​!!!

ข้าพเจ้าเคยสัมมนาร่วมกับ​ บิน​ บัยยะฮ​ ผู้นี้ที่เมืองอาบูดาบี​ ประมาณปี​ 2559 ซึ่งเป็นการสัมมนาที่ผู้จัดพยายามเน้นย้ำมิติความรักระหว่างมนุษยชาติในหลักธรรมคำสอนของอิสลามอย่างมากมาย​ และข้าพเจ้าได้ท้วงติงไปในวงสัมมนาว่า​ หลักธรรมของอิสลามมีลักษณะที่เป็นดุลยภาพ​ จึงไม่เน้นหนักไปทางใดอย่างสุดกู่แน่นอน​ ขณะที่เน้นเรื่องการทำดีและความรักอันพึงมีต่อเพื่อนมนุษย์​ แต่ก็ไม่ลืมที่จะสอนเรื่องการญิฮาดไว้ถ่วงดุล​ เพราะในหมู่มนุษย์มีบางคนที่ความรักและความปรารถนาดีไม่อาจทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนโยนลงได้​ (เช่นยิวไซออนิสต์ส่วนใหญ่)​ การปฏิบัติต่อคนแบบนี้จึงมิใช่เอาแต่พูดเรื่องความรัก​ แต่ต้องใช้วิธีการญิฮาดที่เหมาะสม

หลังการสัมมนาครั้งนั้น​ มีการเชิญเข้ามาอีก​ แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะเข้าไปร่วมในวงสัมมนาที่เต็มไปด้วยอุละมาอฺกระโถนท้องพระโรง​ซึ่งดูเหมือนจะพยายามทำให้การญิฮาดเป็นการก่อการร้ายเสียให้ได้​ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้านายของตน

ผู้รู้ในท่วงทำนองของอัสสุดัยส์และบินบัยยะฮ​ เป็นตัวอย่างของผู้รู้ที่มิได้ใช้ความรู้เพื่อธำรงไว้ซึ่งความถูกต้องเที่ยงธรรม​ แต่มุ่งเอาใจผู้มีอำนาจจนทำลายหลักแห่งดุลยภาพของอิสลามไป​ เช่น​ มุ่งสอนการเชื่อฟังผู้นำ​ จนละเลยสิทธิและหลักแห่งการตักเตือน​(مناصحة أئمة المسلمين) ที่ประชาชนมีเหนือผู้นำ​ มุ่งเน้นเรื่องความรักจนกลายเป็นการจำยอมต่อความอธรรมโดยไม่คิดต่อสู้​ แต่กลับเป็นแนวร่วมศัตรูด้วยการประณามผู้ต้องการปลดแอกว่าเป็นนักก่อการร้ายหัวรุนแรง​ !!!

หากการปรองดองกับไซออนิสต์ที่ปล้นแผ่นดินและย่ำยีเกียรติยศศักดิ์ศรีของชาวปาเลสไตน์มาตั้งแต่ปี​ 1948 ตราบถึงปัจจุบันมีความชอบธรรมตามที่อัสสุดัยส์และบินบัยยะฮพยายามโน้มน้าว

แล้วการปรองดองกับตุรกีและขบวนการอิควานซึ่งเป็นมุสลิมด้วยกันและเป็นผู้ที่พยายามปกป้องผลประโยชน์ของประชาชาติมุสลิมอย่างแท้จริง​ มิชอบธรรมกว่าหรือ​?

แล้วเหตุใดเจ้านายที่อัสสุดัยส์​และบินบัยยะฮมอบความจงรักภักดีให้อย่างสุดจิตสุดใจ​ จึงไม่เคยหยิบยื่นไมตรีและความปรองดองแก่คนกันเอง​ มีแต่ความแข็งกร้าว​ กระด้าง​ หยาบช้าและป่าเถื่อนเต็มรูปแบบ​

แล้วใยอุละมาอฺกระโถนท้องพระโรงเหล่านี้ไม่เคยเลยที่จะตักเตือนผู้นำของตนเอง​ แต่กลับตีปีกพึบพับเมื่อเจ้านายสถาปนาความสัมพันธ์กับจอมอธรรมแห่งแผ่นดิน….