บลูมเบิร์ก – ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันของอินโดนีเซียแซงหน้าอินเดีย จากไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดได้สูงทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินโดนีเซียมีจำนวนผู้ป่วยรายวันทะลุ 40,000 รายเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน รวมถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 54,517 รายในวันพุธ 14 ก.ค. โดยอินโดฯ มีผู้ติดเชื้อรายวันน้อยกว่า 10,000 รายในเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่กังวลว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่กระจายออกนอกเกาะชวาซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศ และอาจทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศถึงขั้นวิกฤติ
ตัวเลขปัจจุบันของอินโดนีเซียยังห่างไกลจากยอดผู้ติดเชื้อสูงสุด 400,000 รายต่อวันของอินเดียในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตามอินเดียซึ่งมีประชากรประมาณห้าเท่าของอินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อรายวันลดลงต่ำกว่า 39,000 คนในวันพุธ 14 ก.ค. ขณะที่การระบาดร้ายแรงของประเทศลดลง
อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยประมาณ 900 รายต่อวันในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา เทียบกับเพียง 181 รายในเดือนที่แล้ว ขณะที่อินเดียรายงานผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 1,027 รายต่อวัน
บลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดในอินโดนีเซียตอกย้ำถึงผลที่ตามมาของการกระจายวัคซีนทั่วโลกที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งเห็นได้ว่าประเทศที่ร่ำรวยกว่าได้แย่งชิงอุปทานไปมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศที่ยากจนต้องเผชิญการระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ เช่น เดลต้า โดย นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก เรียกการแบ่งแยกที่เพิ่มขึ้นนี้ว่าเป็น “ความล้มเหลวทางศีลธรรมอันร้ายแรง”
อินโดนีเซียบริหารวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรได้เพียง 10% และอินเดีย 14% เทียบกับ 46% ของประชากรในสหภาพยุโรปและ 52% ในสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของ Vaccine Tracker ของบลูมเบิร์ก
การขาดภูมิคุ้มกันที่เพียงพอทำให้ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและผู้เสียชีวิต โดยทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ล้านคนเมื่อต้นเดือนนี้