พับลิกโพสต์ออนไลน์ – “ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี” นักการศาสนาและผู้นำคนสำคัญของชีอะห์ในประเทศไทย ออกโรงฉะสถานีโทรทัศน์ “วอยซ์ทีวี” เจตนาบิดเบือนรายงานพิธีรำลึก “อาชูรอ” ของมุสลิมชีอะห์ ชี้เป็นเครื่องมือชาติตะวันตกปลุกปั่น “ซุนนี-ชีอะห์” ให้แตกแยก
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม วอยซ์ทีวี นำเสนอรายงานเกียวกับพิธีอาชูรอในอิหร่าน ในหัวข้อ “ อาชูรออ์ เทศกาลแห่งชีอะห์และชาตินิยมอิหร่าน” ที่ออกอากาศทางทีวีและเผยแพร่ทางเว็บไซต์ แต่การนำเสนอข่าวของ วอยซ์ทีวี นั้น มีเนื้อหาในหลายประเด็นที่มุสลิมชีอะห์มองว่าบิดเบือนไปจากความเป็นจริง และมีเจตนารายงานเท็จ จึงสร้างความไม่พอใจแก่มุสลิมชีอะห์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยในสังคมมุสลิมชีอะห์และในสื่อออนไลน์ได้วิจารณ์การนำเสนอข่าวชิ้นนี้กัน อย่างเผ็ดร้อน ผู้สื่อข่าว “เดอะพับลิกโพสต์” ได้รับรายงานว่า อาจลุกลามนำไปสู่การยื่นหนังสือประท้วงกับสถานีข่าวแห่งนี้ หรือมีมาตรการอื่นที่จะกดดันให้สถานีข่าวรับผิดชอบต่อรายงานที่ผิดพลาดและ บิดเบือน
“เดอะพับลิกโพสต์” ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ “ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี” นักการศาสนาและผู้นำคนสำคัญของชีอะห์ในประเทศไทย ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิ อัลมะฮ์ดี (ประเทศไทย) อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย-อิหร่าน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่ง “ซัยยิดสุไลมาน” ได้เปิดเผยว่า ตน ได้ติดตามการรายงานข่าวเกี่ยวกับพิธีกรรมอาชูรอ ของสถานีโทรทัศน์ “วอยซ์ทีวี” ครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งพบว่ามีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในหลายประเด็น ทั้งในสาระสำคัญ และแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการใช้ภาษาในการนำเสนอข่าวก็ยังไม่ถูกต้อง
ผู้นำมุสลิมชีอะห์ กล่าวว่า “สำนักข่าวและผู้สื่อข่าวไม่ได้มีความรู้จริงในสิ่งที่ตนนำเสนอ ไม่ได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในฐานะผู้แจ้งข่าวสาร ที่จะต้องหาข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ ในรายงานของสำนักข่าว “วอยซ์ทีวี” เกี่ยวกับพิธีอาชูรอและเหตุการณ์กัรบาลา มีสาระสำคัญในหลายๆ ประเด็นที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย กระทั่งกล่าวได้ว่าสำนักข่าวไม่ได้ให้ความสำคัญกับจรรยาบรรณและเคารพใน วิชาชีพสื่อของตนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าผู้นำเสนอข่าวนี้มีเจตนาที่จะบิดเบือนหรือไม่”
“ความเข้าใจผิดประการ แรกเลย คือการที่ “วอยซ์ทีวี” รายงานข่าวชิ้นนี้โดยใช้คำว่า “การเฉลิมฉลอง” ซึ่งความจริงพิธีอาชูรอไม่ใช่เป็นการเฉลิมฉลอง แต่เป็นการรำลึก ไว้อาลัย เป็นการไว้ทุกข์ให้กับท่านฮุเซนหลานของศาสดาแห่งอิสลาม ที่ถูกสังหารโหดพร้อมครอบครัวและผู้ติดตามรวม 72 คน เมื่อปี ค.ศ.680 ณ ดินแดนที่เรียกว่า กัรบะลา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก โดย ยะซีด บิน มุอาวียะฮ์ ผู้ปกครองที่ชั่วช้าคนหนึ่งในอิสลาม ซึ่งส่งทหารไปปิดล้อมไม่ให้ได้รับน้ำและอาหาร ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุกลางทะเลทราย เพื่อกดดันให้ฮุเซนยอมศิโรราบ” ซัยยิดสุไลมาน กล่าวและย้ำว่า
“นี่เป็นโศกนาฏกรรมอัน ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับมนุษยชาติและครอบครัวของท่านศาสดาแห่งอิสลาม ดังนั้น จึงไม่ควรและไม่เหมาะสมที่จะใช้คำว่า เฉลิมฉลอง โดยเด็ดขาด”
ผู้นำชีอะห์ ยังชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของ “วอยซ์ทีวี” ที่รายงานว่า เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งนี้เป็นการสู้รบระหว่างซุนนีและชีอะห์ และนำมาซึ่งความแตกแยกระหว่างสองนิกาย
“เหตุการณ์ใน ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นที่กัรบาลา ในมุมของชีอะห์ที่เรานำเสนอนั้น ไม่ใช่เป็นการต่อสู้ระหว่างซุนนีกับชีอะห์ แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่ ซึ่งในการถ่ายทอดเนื้อหาจริงๆแล้ว ท่านอิหม่ามฮุเซนนำเสนอแบบฉบับให้กับมนุษยชาติทั้งมวลด้วย กล่าวคือ ไม่ว่ามนุษยชาติใดที่ตัวเองถูกกดขี่ วิถีทางที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากการถูกกดขี่ คือการพลีและการต่อสู้เหมือนกับการพลีของอิหม่ามฮุเซนที่กัรบาลา ดังนั้นนี่ไม่ใช่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างซุนนีกับชีอะห์ เพราะว่าซุนนีทั้งหมดก็ไม่ยอมรับอาชญากรรมนี้ และการกระทำที่ชั่วช้าของกลุ่มคนเหล่านั้นที่กัรบาลาก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับซุนนีเลย เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ศรัทธาใดๆในศาสนา พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มทรราชที่แฝงเร้นเข้าในนามของอิสลาม และที่จริงพี่น้องซุนนีเองก็ไม่ได้ยอมรับว่าพวกเขาคือมุสลิมที่แท้จริง”
ส่วนในรายงานของ “วอยซ์ทีวี” ชิ้นนี้ได้กล่าวถึงประเทศอิหร่านว่า ได้ใช้เรื่องราวอิหม่ามฮุเซนมาป็นเครื่องมือสร้างความรักชาติ และเป็นแบบอย่างในการต่อสู้กับศัตรูที่จ้องทำร้าย โดยในรายงานระบุว่า “อิหร่านเหมารวมว่าทั้งชาติตะวันตกและซุนนีเป็นศัตรู” นั้น ซัยยิดสุไลมาน กล่าวว่า “นี่เป็นสกู๊ปข่าวที่ขาดความรับผิดชอบ มีเจตนายุยง ปลุกปั่น ตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกและขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด”
“เพื่อให้เข้าใจใน ประเด็นนี้ ผมจะอธิบายก่อนว่า ณ วันนี้มีการวางแผนโดยชาติตะวันตกและชาติอาหรับที่เป็นหุ่นเชิดของตะวันตก ในความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างชีอะห์กับซุนนี ซึ่งในอดีตไม่เคยมีมาแต่เดิม เพราะความแตกต่างระหว่างชีอะห์กับซุนนีเป็นความแตกต่างทางด้านแนวคิด ไม่ได้เป็นความแตกแยก ชีอะห์และซุนนีอยู่ร่วมกันมาอย่างสงบสุขในทุกๆ แผ่นดิน แม้กระทั่งในอิยิปต์ก่อนที่จะเกิดรัฐบาลอิควาน ชีอะห์กับซุนนีไม่เคยเกิดการปะทะกันมาก่อน และในสถานที่อื่นๆ ก็เช่นกัน”
“ถ้าเราเจาะลึกสู่ ปัญหาชีอะห์-ซุนนี โดยเฉพาะการปะทะกันในเชิงกายภาพนั้น เพิ่งเกิดขึ้นก็หลังจากการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ดังนั้นประเด็นชีอะห์-ซุนนีจึงเป็นประเด็นการเมือง ที่บรรดาศัตรูของการปฏิวัติอิสลามอิหร่านเป็นคนสร้างขึ้นมา นี่คือสาเหตุหลักของปัญหา” ซัยยิดสุไลมาน กล่าวและว่า
“นั่นเพราะหลังการ ปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน บรรดาผู้ปกครองรัฐทรราชทั้งหลายพากันกลัวกระแสการปฏิวัติของท่านอิหม่าม โคมัยนีเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงคิดที่จะสกัดกั้นไม่ให้เชื้อการปฏิวัตินี้ไปถึงยังพี่น้องซุนนี ซึ่งก็ไม่ได้พึงพอใจกับการปกครองของบรรดารัฐทรราชทั้งหลายที่เป็นลูกสมุนของ ชาติตะวันตก ก็เลยสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างชีอะห์กับซุนนี”
ผู้นำมุสลิมชีอะห์ยัง ชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านกับเหตุกา รณ์กัรบาลาในอดีต ว่า “แล้วยิ่งเมื่อวิเคราะห์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านที่ประสบความสำเร็จได้ก็ จากการถอดแบบเหตุการณ์ที่กัรบาลา ทั้งการต่อสู้ การเสียสละ การพลีเพื่อต่อต้านการกดขี่ การพลีเพราะไม่ยอมรับการปกครองที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งไม่ต้องการให้คนชั่วและทรราชขึ้นมาปกครอง”
“ท่านอิหม่ามโคมัยนี ผู้นำการปฏิวัติได้ยืนยันว่า เราลอกแบบมาจากการปฏิวัติที่กัรบาลา หรือชัยชนะของขบวนการฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน ที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับอิสราเอลในสงคราม33 วัน เมื่อถูกถามถูกสัมภาษณ์ ท่านซัยยิดฮะซัน นัศรุลเลาะห์ เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ ก็บอกว่า เราถอดแบบมาจากกัรบาลา และแม้กระทั่งชัยชนะของขบวนการฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นซุนนี ที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับอิสราเอลได้ ซึ่งเป็นมิติที่แปลกมากในยุคนี้ ผู้นำฮามาสทั้งหมดก็บอกว่า เราถอดแบบมาจากกัรบาลา เราได้พลังการต่อสู้นั้นมาจากฮุเซน ”
“หลังจากประวัติศาสตร์ นี้ได้ถูกปกปิดมานาน วันนี้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในวันอาชูรอ ในแผ่นดินกัรบาลา ค่อยๆ ถูกเปิดเผยและเป็นที่สนใจของพี่น้องซุนนีทั่วโลก ประวัติศาสตร์นี้มาถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งหลังการปฏิวัติ อิสลามในอิหร่าน และตามมาด้วยหลังจากชัยชนะของฮิสบุลเลาะห์ในเลบานอน และหลังชัยชนะของฮามาสในฉนวนกาซ่า จึงทำให้พี่น้องซุนนีทั่วโลกหันกลับมาสนใจเรื่องราวของอิหม่ามฮุเซนและ เรื่องราวของกัรบาลาอีกครั้งหนึ่ง”
“ดังนั้นชาติตะวันตก และชาติอาหรับที่เป็นสมุนของชาติตะวันตกรู้แล้วว่า เรื่องราวแห่งกัรบาลานี้เป็นอันตรายและอาจนำมาสู่การล่มสลายของระบอบทรราชใน หลายๆ ประเทศของตะวันออกกลาง จึงนำมาสู่ความพยายามที่จะทำให้มุสลิมเกลียดชังเหตุการณ์ในกัรบาลาและไม่ ยอมรับเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นจึงถูกสร้างเพิ่มขึ้นมาว่า ที่จริงการจัดรำลึกอาชูรอนั้น เพื่อปลูกฝังแนวทางที่จะล้างแค้นซุนนี ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง”
“ตะวันตกก็รู้ดีว่า จิตวิญญาณแหงการต่อสู้ของมุสลิมนั้น ไม่มีโมเดลไหนที่จะสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้ นอกจากโมเดลการปฏิวัติแห่งกัรบาลาและวันอาชูรอ ก็เลยความพยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายความบริสุทธิ์ของการปฏิวัติอันนี้ เพื่อที่จะสกัดกั้นมนุษยชาติมิให้เอาแบบอย่าง มีการบิดเบือนแนวทางและเจตนารมณ์ของการปฏิวัติทุกวิถีทาง ที่ผ่านๆ มาก็คือการเบี่ยงเบนประเด็น มีความพยายามที่จะทำให้การรำลึกอันนี้เป็นเพียงแค่ “พิธีกรรม” แต่จริงๆ แล้วสำหรับพวกเรา การปฏิวัติครั้งนี้ คือ “วีรกรรม” การรำลึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะต้องสร้างวีรกรรมที่สืบทอดกันมา เหมือนกับที่ท่านอิหม่ามฮุเซนและบรรดาสหายของท่านได้แสดง”
นอกจากนั้น ซัยยิดสุไลมาน ชี้ให้ด้วยว่า พิธีรำลึกอาชูรอนี้ พี่น้องซุนนีที่เข้าใจก็ได้ให้ความสำคัญและเข้าร่วมพิธีรำลึกนี้ด้วยเช่นกัน
“ถ้าเราได้ติดตามศึกษา ข้อมูลทั่วทั้งโลก ก็จะพบว่าในหลายประเทศ มุสลิมซุนนีก็ร่วมรำลึกกับเหตุการณ์นี้ นักวิชาการซุนนีจำนวนมากได้เขียนตำราถึงขั้นที่สาปแช่งบุคคลที่ฆ่าหลานของ ท่านศาสดา ดัง นั้นเรื่องของอาชูรอ จึงเป็นเรื่องที่ทั้งซุนนีและชีอะห์ ยอมรับอย่างเป็นเอกฉันนท์ว่าเป็นโศกนาฏกรรม และพี่น้องซุนนีจำนวนมากก็ร่วมรำลึกในการแสดงความโศกเศร้า เพียงแต่ว่าอาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน”
“ความจริงผมเคยอยู่ใน ปากีสถาน ผมเคยร่วมการรำลึกพิธีกรรมนี้ในเมืองการาจี อยู่ในขบวนรำลึกดังกล่าว ได้เห็นด้วยตนเองว่า พี่น้องซุนนีก็ออกมาร่วมรำลึกเต็มไปหมดทั่งท้องถนน กระทั่งพี่น้องชาวฮินดูก็มาร่วมรำลึกด้วย ส่วนในอิหร่านก็มีพี่น้องซุนนีเขาร่วมรำลึกด้วยเช่นกัน ไม่มีใครเคยคิดว่านี่คือการปลูกฝังวิญญาณของการเผชิญหน้ากับซุนนี เพราะการกระทำอันนี้ไม่เกี่ยวกับข้องซุนนี แต่เป็นการกระทำของคนไร้ศาสนาในคราบมุสลิม”
“หรือปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งนาย ฏอยยิบ เออร์ดูแกน นายกรัฐมนตรีของตุรกี ซึ่งเป็นซุนนีก็ได้เข้าร่วมพิธีรำลึกนี้อย่างเป็นทางการ มีการถ่ายทอดสดออกไปทั่วทั้งโลก ดังนั้น พี่น้องซุนนีไม่ได้เคยคิดว่า เรื่องนี้เป็นการจ้องทำลายซุนนี แต่ตะวันตกกลัวว่า จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เสียสละ พร้อมที่จะพลีนี้ จะเข้าไปในพี่น้องชาวซุนนี”
“ดังนั้นการที่ วอยซ์ทีวี นำเสนอข่าวเช่นนี้ เป็นประด็นที่จะต้องหาสาเหตุต่อไป แต่ผมยังไม่เชื่อว่าเกิดจากประเด็นความไม่เข้าใจ ผมสงสัยว่าอาจจะเป็นความจงใจ หรือว่ารับงานรับข้อมูลมาเพื่อบิดเบือนเรื่องนี้” ผู้นำมุสลิมชีอะห์กล่าว
สำหรับกรณีการทำร้าย ร่างกายในพิธีรำลึกอาชูรอ ที่วอยซ์ที่วี รายงานว่า รัฐบาลอิหร่านให้การสนับสนุน โดยมีข้อแม้ว่า การจัดพิธีรำลึกอาชูรอ จะต้องมีการทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นในรายงานภาพเคลื่อนไหวของวอยซ์ทีวียังมีการตัดต่อภาพระหว่าง เหตุการณ์ในอิหร่านและสลับกับประเทศอื่นๆ จนสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้ชมว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซัยยิดสุไลมาน กล่าวว่า “สำหรับพิธีรำลึกเหตุการณ์อาชูรอนั้น จริงว่าอาจจะมีในบางประเทศที่ยังคงใช้วิธีการที่รุนแรงทำร้ายตนเอง เป็นการเน้นไปเพียงที่พิธีกรรมโดยละเลยเจตนารมณ์ และสร้างภาพที่ไม่เหมาะสม แต่ตามหลักของศาสนา รวมทั้งนักการศาสนาชั้นสูงหรือมัรญิอฺส่วนมาก ก็ไม่ได้เห็นด้วยหรืออนุญาต”
“แต่ในการรายงานของ วอยซ์ทีวี เท่าที่ผมติดตามดูก็รู้สึกว่า วอยซ์ทีวี มีเจตนาร้ายผิดปรกติในการรายงานข่าวและตัดต่อภาพประกอบ อย่างเช่น การอ้างว่าอิหร่านบังคับให้ต้องทำร้ายร่ากาย หรือในการเสนอภาพอาชูรอในอิหร่าน แต่ไปตัดต่อนำภาพการทำร้ายตัวเองในประเทศอื่นๆ ซึ่งเหมือนกับมีเจตนาจะให้คนดูว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในพิธีอาชูรอใน อิหร่านและเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมของชาวอิหร่าน ทั้งๆ ที่ ในอิหร่านนั้น มีกฎห้ามอย่างชัดเจนว่า การร่วมรำลึกอาชูรอ ไม่อนุญาตให้ทำร้ายร่างกาย ถ้าใครทำเลยเถิดตำรวจก็จะเข้าจับกุมทันที ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าในอิหร่านไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้”
“ดังนั้นการที่วอยซ์ที วรายงานว่ารัฐบาลอิหร่านสนับสนุนให้ทำร้ายตัวเอง รวมทั้งการตัดต่อภาพประกอบ ที่มีเจตนาที่จะบิดเบือนแม้แต่ในรายละเอียดของเนื้อหา ผลงานชิ้นนี้ของวอยซ์ทีวีจึงจะต้องติดตามว่า มีอะไรแอบแฝงในการนำเสนอข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับเรื่องของอาชูรอ” ซัยยิดสุไลมาน กล่าว
นักการศาสนาและผู้นำ มุสลิมชีอะห์ ยังกล่าวถึงบทบาทของ “วอยซ์ทีวี” ที่นำเสนอข่าวเช่นนี้ ว่า “โดยส่วนตัว ผมมั่นใจว่า การรายงานข่าวชิ้นนี้ของ วอยซ์ทีวี มีเจตนาร้าย รับข้อมูลมา หรืออาจจะเป็นเครื่องมือของตะวันตก และร่วมมือกับบุคลคลที่เป็นศัตรูกับแนวทางของอิสลาม ในการนำเสนอเพื่อสร้างภาพที่ไม่ถูกต้องและบิดเบือนเจตนารมณ์ของการปฏิวัติ อิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งความจริงอิหร่านไม่เคยจ้องทำลายซุนนี ถ้าใครได้ติดตามข่าว จะพบว่าอิหร่านจะมีการจัดประชุมเอกภาพโลกทุกปี ผู้นำศาสนาอิสามทุกนิกายจะถูกเชื้อเชิญไปเพื่อจะพูดถึงเรื่องเอกภาพ ทุกๆปีจะมีการประชุมใหญ่และเชิญพี่น้องมุสลิมจากทุกนิกายเข้าร่วมประชุมและ พูดคุยกันถึงแนวทางที่จะสร้างคาวมปรอดองระหว่างโลกอิสลาม”
“ดังนั้นการกล่าวหา เช่นนี้ จึงถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้าสื่อที่เป็นกลาง ก็ไม่ควรที่จะนำเสนอข่าวเพียงฝ่ายเดียว หรือว่าเพียงแค่รับข้อมูลดิบๆ มา แล้วนำมาเสนอโดยไม่สังเคราะห์ ซึ่งถือว่าเป็นสื่อที่ไร้มาตรฐาน”
“วอยซ์ทีวี จะต้องแสดงออกและรับผิดชอบต่อการบิดเบือนที่รายงานออกไป ซึ่งได้ทำร้ายความรู้สึกของชีอะห์ทั่วโลก และโดยเฉพาะมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย ที่หากผู้สื่อข่าวได้อ่านประวัติศาสตร์กันบ้างก็คงจะรู้ว่าเขาเหล่านั้นได้ ร่วมสร้างบ้านแปงเมืองกันมานับตั้งแต่อดีต ปัจจุบันแม้กระทั่งพี่น้องชาวไทยพุทธก็มีหลายตระกูลดังๆ ของไทยที่สืบเชื้อสายมาจากมุสลิมชีอะห์ ประเด็นความเชื่อความศรัทธาถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ยังพอทำเนา แต่หากกระทำไปโดยเจตนาหรือจงใจ นี่ถือเป็นเรื่องที่ยากจะให้อภัยอย่างยิ่ง” ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี นักการศาสนาและผู้นำมุสลิมชีอะห์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่ วอยซ์ทีวี รายงาน
คลิ๊กลิ้ง : อาชูรออ์ เทศกาลแห่งชีอะห์และชาตินิยมอิหร่าน