รัฐมนตรียุติธรรม แถลง “หมอหยอง” ตายแล้ว

รมว.ยุติธรรม แถลง “หมอหยอง” เสียชีวิตแล้ว เหตุติดเชื้อในกระแสเลือด

วันนี้ (9 ก.ย.) เวลา 13.13 น. วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสตเฟซบุ๊คส่วนตัว (WassanaJournalist) รวมทั้งสำนักข่าวหลายสำนัก รายงานระบุ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดแถลงข่าวยืนยันว่า “หมอหยอง” หรือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องหาคดีอาญา ม.112 เสียชีวิตแล้ว ด้วยเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด ตั้งแต่คืนวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่รพ.ราชทัณฑ์ โดยขณะนี้ได้ประสานญาติเข้ารับศพแล้ว

อนึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาหลายระลอกว่า “หมอหยอง” เสียชีวิตไปตั้งแต่ หลัง สารวัตรเอี๊ยด พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผูกคอตาย ในเรือนจำ มทบ.11

Screen-Shot-2015-11-09-at-1.54.50-PMขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานข่าวการแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงถึงกระแสข่าวว่านายสุริยันต์ สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 ถนนนครไชยศรี ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากมีอาการป่วยและติดเชื้อในกระแสเลือด ถูกนำส่งรักษาอาการในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

แถลงข่าวกรมราชทัณฑ์ กรณีผู้ต้องขังเสียชีวิตในขณะถูกคุมขัง ระบุว่า

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ข.ช.สุริยัน สุจริตพลวงค์ผู้ต้องขังคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผลัดที่ 2 เวรรักษาการณ์ ไปตรวจพบ ขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขัง เห็นว่า มีอาการหายใจเฮือก จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจํา มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่า ชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว จึงได้รีบนําตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร

เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังดังกล่าว ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย 4 มม. ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลฯ ได้ดําเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต

การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องแจ้งให้หนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงาน ฝ่ายปกครอง รวม 4 ฝ่าย มาชันสูตรพลิกศพ ซึ่งในกรณีนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นท้องที่ที่พบศพ เข้ามาดําเนินการ

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ ได้ทําการตรวจ พิสูจน์ศพเรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต “สันนิษฐานว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต” เรือนจําได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตให้มาขอรับศพ เพื่อไปดําเนินการตามประเพณีต่อไป

สําหรับการดําเนินการภายหลังการเสียชีวิต เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลมาให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ส่วนการดําเนินการตามกฎหมาย กรณีเสียชีวิต ในสถานที่คุมขังนั้น พนักงานสอบสวน สน. ประชาชื่น จะเป็นผู้ดําเนินการในเรื่องการไต่สวนการเสียชีวิตต่อไป

สรุปเหตุการณ์

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2558 ต่อเนื่องถึงวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ผู้ต้องขังมีอาการไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ พยาบาลเสนารักษ์ประจําเรือนจํา ได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก

ต่อมาในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่เวรไปตรวจ พบว่าผู้ต้องขังมีอาการเรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว เสนารักษ์จึงแจ้งให้นําส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์เวรได้พยายามช่วยชีวิตตามหลักเกณฑ์และจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ทํากระบวนการฟื้นคืนชีพ (Advanced CPR: Cardio Pulmonary Resuscitation) ใช้เวลาดําเนินกระบวนการ ตั้งแต่แรกพบตัว โดยใส่ท่อช่วยหายใจ ปั้มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจและความดันโลหิต ฯลฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนท้องที่มาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

—-
ขอบคุณ/ที่มา วาสนา นาน่วม, มติชนออนไลน์