วอชิงตันเรียกร้องพันธมิตรอย่าฟื้นความสัมพันธ์ปกติกับซีเรีย ผิดหวังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้อนรับการมาเยือนของบาชาร์ อัลอัสซาด
ทริปเซอร์ไพรส์ของบาชาร์ อัลอัสซาด ปธน.ซีเรียเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) เป็นการเดินทางเยือนประเทศอาหรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองซีเรียในปี 2011 คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบครึ่งล้าน
การเยือนครั้งนี้ของอัสซาดนับเป็นสัญญาณล่าสุดของความสัมพันธ์ที่ร้อนระอุระหว่างซีเรียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่อุดมด้วยพลังงาน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ และยูเออีก็เพิ่งฟื้นความสัมพันธ์กับอิสราเอลเป็นปกติในปี 2020
เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า “เรารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งและมีปัญหากับความพยายามที่ชัดเจนในการทำให้บาชาร์ อัสซาดถูกกฎหมาย”
เขากล่าวอีกว่า อัสซาดยังคงต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตและความทุกข์ทรมานของชาวซีเรียนับไม่ถ้วน การพลัดถิ่นของประชากรชาวซีเรียก่อนสงครามเกินครึ่ง และการกักขังตามอำเภอใจและการหายตัวไปของชาย หญิง และเด็กชาวซีเรียกว่า 150,000 คน
“ตามที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เคยกล่าวย้ำ เราไม่สนับสนุนความพยายามในการการกู้ฐานะให้อัสซาด และเราไม่สนับสนุนให้ผู้อื่นสร้างความสัมพันธ์เป็นปกติกับเขา” ไพรซ์กล่าว
“เรามีความชัดเจนในเรื่องนี้กับพันธมิตรของเรา… [และ] เราขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ พิจารณาการมีส่วนร่วมกับระบอบอัสซาด โดยชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบถึงความโหดร้ายอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นจากระบอบการปกครองนี้” เขากล่าว
สงครามของซีเรียปะทุขึ้นในเดือนมีนาคม 2011 และอีกหนึ่งปีต่อมา ยูเออีก็เหมือนกับประเทศอาหรับส่วนใหญ่ ที่ตัดความสัมพันธ์กับดามัสกัส
แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในเมืองหลวงซีเรียอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2018 ชี้ให้เห็นถึงความพยายามที่จะนำระบอบการปกครองของอัสซาดกลับคืนสู่เวทีโลกอาหรับ
เมื่อวันศุกร์ เชค โมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล-นาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้หารือเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง” ระหว่างทั้งสองประเทศ WAM สำนักข่าวทางการยูเออีรายงาน