เว็บไซต์ iLaw เปิดเผยถึงบรรยากาศของเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 จากคำบอกเล่าของทนายที่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหา โดยบรรยายว่า…หากมีสถานที่ใดที่ดูเร้นลับ หนึ่งในนั้นคงต้องรวม “เรือนจำชั่วคราว มทบ.11” เข้าไปด้วย เพราะเรือนจำแห่งนี้ จะไม่เปิดเผยพื้นที่คุมขัง ผู้ต้องหาต้องปิดตาและได้รับการคุ้มกันจากทหาร และการถามคำถามผู้ต้องหาก็ต้องขออนุญาต เป็นต้น (อ่านคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเข้าไปสถานที่ดังกล่าว ได้ที่ http://ilaw.or.th/node/3934)
“ชูชาติ กันภัย” ทนายความของ อาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาคดีเหตุระเบิดราชประสงค์ กล่าวถึงบรรยากาศเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 ว่า แตกต่างจากเรือนจำปกติอย่างมาก เช่น
การจะพบผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จะเป็นคนพามาพร้อมกับปิดตา โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ และทหารพร้อมอาวุธครบมือ 4-5 นาย คอยควบคุมตัวจำเลยพร้อมใส่กุญแจมือและกุญแจเท้า และเมื่อทนายจะถามคำถามอะไรกับผู้ต้องหา ต้องเขียนคำถามไปให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนว่าจะถามได้กี่ข้อ ตอนแรกเขายื่นคำถามไป 10 ข้อ แต่ได้รับอนุญาตให้ถามอยู่ 6-7 ข้อ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เล่าให้ทนายชูชาติว่า ระหว่างการควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ ผู้ต้องหาจะถูกสอบสวนจากฝ่ายความมั่นคงอยู่บ่อยๆ
อย่างไรก็ดี จากกระแสข่าวเรื่องราวคดีแอบอ้างสถาบันฯ ที่มีผู้ต้องหาเสียชีวิตถึง 2 จาก 3 คน คือ พ.ต.ต ปรากรม วารุณประภา เสียชีวิตวันที่ 23 ตุลาคม 2558 และสุริยัน สุจริตพลวงศ์หรือ “หมอหยอง” เสียชีวิตวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ทำให้ขณะนี้สังคมเกิดตั้งคำถามถึงสภาพการควบคุมตัวและวิธีปฏิบัติต่อผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ภายในพื้นที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ที่ถูกทำให้เป็น “แดนสนธยา”
Source: ilaw