ซาอุฯ ‘หลอก’ สหรัฐฯ ดีลลับ “น้ำมัน”

แฟ้มภาพ: ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ณ พระราชวังอัลซาลาม ในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 © Getty Images / Anadolu Agency

นิวยอร์กไทมส์เผย ปธน.ไบเดนเยือนกซาอุฯ เพราะคิดว่าได้รับคำมั่นสัญญาในการเพิ่มการผลิตน้ำมันแล้ว แต่กลายเป็นถูกหลอก ริยาดกลับลดกำลังการผลิตแทน

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันพุธ (26 ต.ค.) ว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัดสินใจเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากฝ่ายบริหารของเขาคิดว่าได้บรรลุข้อตกลงลับกับริยาดในการเพิ่มปริมาณน้ำมัน แต่ที่สุดริยาดกลับทำตรงกันข้าม โดยนำพาโอเปกลดกำลังการผลิตแทน

ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางเยือนซาอุฯ ครั้งนั้นถูกจับตามองเป็นพิเศษจากหลายฝ่าย และเขายังกลืนน้ำลายที่เคยให้คำมั่นสัญญาในการหาเสียงว่าจะหลีกเลี่ยงการคบหาสมาคมกับราชอาณาจักรแห่งนี้

ตามข้อตกลงลับการผลิตนำ้มันที่เพิ่มขึ้นควรจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงสิ้นปีนี้ อันจะช่วยบรรเทาเงินเฟ้อขอสหรัฐฯ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันพุธ โดยอ้างการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และตะวันออกกลางที่ไม่ปรากฏชื่อ ทว่าเมื่อต้นเดือนนี้ โอเปกประกาศแผนการที่จะลดกำลังการผลิตลงสองล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคามากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงที่พรรคเดโมแครตซึ่งนำโดยไบเดนจะสูญเสียการควบคุมสภาคองเกรสในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้

ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ หลายคนตอบโต้ด้วยการเสนอแนะว่าวอชิงตันควรลงโทษซาอุฯ ด้วยการตัดการขายอาวุธหรือยกเลิกการสนับสนุนทางทหาร ไบเดนกล่าวหาว่าริยาดเข้าข้างรัสเซียในความขัดแย้งในยูเครนและเตือนถึงกรรมตามสนอง โดยกล่าวว่า “จะมีผลที่ตามมา”

นิวยอร์กไทมส์รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์ว่า แม้กระทั่งไม่กี่วันก่อนการประกาศของโอเปก พวกเขาได้รับการยืนยันจาก บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ ว่าจะไม่มีการลดกำลังการผลิต เมื่อพวกเขาได้ยินในภายหลังว่าซาอุดิอาระเบียได้กลับจุดยืนในประเด็นนี้ เท่ากับว่าฝ่ายบริหารล้มเหลวในการ “เปลี่ยนความคิดของราชอาณาจักรซาอุฯ”

เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่าการตัดสินใจของโอเปกอยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาทางเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่ใช่การเมือง

ไบเดนกล่าวขณะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2019 ว่าเขาจะปฏิบัติต่อซาอุดีอาระเบียในฐานะ “คนนอกคอก” และจะทำให้พวกเขา “ต้องรับผลกรรม” สำหรับการลอบสังหารนักข่าวจามาล คาช็อกกี