ธนาคารกลางอิหร่านร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซียผลักดันออกสกุลเงินดิจิทัลใหม่ที่หนุนด้วยทองคำ เป้าหมายเพื่อทำธุรกรรมข้ามพรมแดนแทนสกุลเงินเฟียต (fiat) เช่น ดอลลาร์สหรัฐ รูเบิลรัสเซีย หรือเรียลอิหร่าน
คอยน์เทเลกราฟรายงานอ้างสำนักข่าวเวโดโมสติ (Vedomosti) ของรัสเซีย ระบุว่า อิหร่านกำลังทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อสร้าง “โทเค็น (token) ของภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย” ที่จะใช้เป็นวิธีการชำระเงินในการค้าระหว่างประเทศ
โทเค็นดังกล่าวคาดว่าจะออกในรูปแบบของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ที่หนุนด้วยทองคำ ตามที่นายอเล็กซานเดอร์ บราซนิคอฟ (Alexander Brazhnikov) ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมอุตสาหกรรมคริปโตและบล้อกเชนแห่งรัสเซีย (Russian Association of Crypto Industry and Blockchain) กล่าว
สเตเบิลคอยน์ที่มีทองคำหนุนหลัง มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้สำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนแทนสกุลเงินเฟียต เช่น ดอลลาร์สหรัฐ , รูเบิลรัสเซีย , หรือเรียลอิหร่าน โดยรายงานระบุว่า สกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ที่มีศักยภาพจะดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษในแอสตราคัน (Astrakhan) เมืองทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย ซึ่งรัสเซียเริ่มเปิดรับการขนส่งสินค้าจากอิหร่าน
แอนตัน ทคาชอฟ (Anton Tkachev) สมาชิกสภาของรัสเซีย สมาชิกคณะกรรมการนโยบายข้อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ย้ำว่าโครงการสเตเบิลคอยน์นี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการควบคุมอย่างสมบูรณ์ในรัสเซีย หลังจากเกิดความล่าช้าหลายครั้ง
อิหร่านและรัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ห้ามไม่ให้พลเมืองของตนใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ (Bitcoin – BTC) และ สเตเบิลคอยน์อื่นๆ เช่น Tether (USDT) ในการทำธุรกรรม แต่ในเวลาเดียวกัน อิหร่านและรัสเซียกำลังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการค้าต่างประเทศ
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 กระทรวงอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการค้าของอิหร่านได้อนุมัติการใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับการนำเข้าในประเทศท่ามกลางการคว่ำบาตรทางการค้าระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ รัฐบาลกล่าวว่า มาตรการใหม่นี้จะช่วยให้อิหร่านบรรเทาการคว่ำบาตรทางการค้าทั่วโลก อิหร่านได้สั่งซื้อในการนำเข้าระหว่างประเทศครั้งแรกโดยใช้เงินดิจิทัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์
ส่วนธนาคารแห่งรัสเซีย ซึ่งในอดีตไม่เห็นด้วยกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงิน ก็ได้ตกลงที่จะอนุญาตให้ใช้สกุลเงินดิจิทัลในการค้าต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ หน่วยงานกำกับดูแลไม่เคยชี้แจงว่าเงินดิจิทัลสกุลใดที่จะใช้สำหรับธุรกรรมดังกล่าว
