กองทัพสหรัฐเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ในภาคตะวันออกของซีเรีย หลังถูก “โดรนของอิหร่าน” โจมตีสังหารบุคลากรสัญญาจ้างของกระทรวงกลาโหม เสียชีวิตอย่างน้อย 1 เจ็บ 6 ราย เอพีรายงาน
เพนตากอนกล่าวว่า การโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.66) โดยโดรนต้องสงสัยว่าผลิตโดยอิหร่าน ทำให้บุคลากรสัญญาจ้างของสหรัฐฯ เสียชีวิต 1 ราย และชาวอเมริกันอีก 6 คนได้รับบาดเจ็บในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย กองกำลังสหรัฐฯ จึงดำเนินการตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศในสถานที่ต่างๆ ในซีเรีย ซึ่งเป็นฐานของกลุ่มนักรบในสังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC)
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลงว่า โดรนลำดังกล่าวมีต้นกำเนิดจากอิหร่าน แต่ไม่ได้เสนอหลักฐานอื่นเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างดังกล่าว
ที่ผ่านมาอิหร่านอาศัยเครือข่ายกองกำลังตัวแทนในตะวันออกกลางเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และอิสราเอล ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจในภูมิภาคนี้
สหรัฐฯ มีกองกำลังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียตั้งแต่ปี 2558 เมื่อพวกเขาส่งกำลังเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) และคงกองกำลังไว้ประมาณ 900 นายที่นั่น โดยทำงานร่วมกับกองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ดซึ่งควบคุมพื้นที่ราวหนึ่งในสามของซีเรีย
ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่กลาโหม การโจมตีตอบโต้ของสหรัฐฯ ดำเนินการโดยเครื่องบินขับไล่ F-15 ที่บินออกจากฐานทัพอากาศ ในกาตาร์
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ระบุว่า F-15 ของสหรัฐฯ โจมตีสถานที่สามแห่ง โดยทั้งหมดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับมืองเดียร์-เอส-ซูร์ (Deir el-Zour)
เพรสทีวีสื่ออิหร่านรายงานว่า หลังจากเพนตากอนดำเนินการโจมตีทางอากาศซีเรีย ฐานทัพแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังสหรัฐฯ ในจังหวัดเดย์ร์ อัล-ซอร์ ทางตะวันออก ก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีด้วยจรวดนานหลายชั่วโมง
เครือข่ายข่าวโทรทัศน์ al-Mayadeen ของเลบานอน รายงานอ้างแหล่งข่าวในท้องถิ่น ระบุว่า จรวดถูกยิงไปยังบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งน้ำมัน al-Omar ที่ควบคุมโดยสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (08.00 GMT) ในวันศุกร์ ทำให้เกิดการระเบิดหลายครั้ง