“มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคลีนเซอร์” ใช้ถูกวิธีมีดีมากกว่าความสวย

โดย อ.พญ.สุเพ็ญญา วโรทัย / แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

 

ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นและทำความสะอาดผิว หรือที่มักเรียกกันว่า“มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคลีนเซอร์” มีการขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเทรนด์ของการดูแลสุขภาพและความงามที่มีกระแสนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในเพศหญิงที่มีพื้นของความรักสวยรักงาม ก็ยิ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญ แต่โดยทั่วไปก็มักจะนำเสนอแง่มุมของเวชสำอางเฉพาะความสวยความงาม แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าเวชสำอาง โดยเฉพาะมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคลีนเซอร์นั้นมีผลอย่างไรในการฟื้นบำรุงความแข็งแรงของผิวพรรณ

อ.พญ.สุเพ็ญญา วโรทัย
อ.พญ.สุเพ็ญญา วโรทัย

แต่ก่อนจะเข้าเรื่องของการใช้“มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคลีนเซอร์”เพื่อฟื้นบำรุงผิว ขอแนะนำให้เข้าใจถึงการทำงานของสารทั้งสองตัว ที่เราอาจจะได้ยินกันบ่อยๆว่าแท้จริงแล้วสารทั้งสองนั้นคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร  สำหรับ “มอยส์เจอร์ไรเซอร์”คือ สารสำหรับทาภายนอก ที่มีคุณสมบัติในการเก็บกักน้ำ หรือความชุ่มชื้นไว้ที่เซลล์ผิวชั้นบนสุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่า และสร้างเซลล์ผิวใหม่ทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล ส่วนประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์อาจได้มาจากสารธรรมชาติเช่น เชียร์ บัทเทอร์ น้ำมันมะกอก ลาโนลิน เป็นต้น หรืออาจเป็นสารสังเคราะห์ขึ้นมาก็ได้  กลไกการออกฤทธิ์ของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ประกอบด้วยการทำงานของสาร 3 กลุ่ม คือ1.กลุ่มที่เคลือบปิดกั้นผิวชั้นบน ป้องกันการระเหยของน้ำใต้ผิว 2.กลุ่มสารที่ดูดซับน้ำจากผิวหนังชั้นลึกหรือความชื้นในอากาศเข้าสู่ผิวหนังชั้นบน และ3. สารประเภทไลปิดที่เติมช่องว่างเซลล์ผิวให้เรียบเนียน

“มอยส์เจอร์ไรเซอร์” จึงเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง และผิวผสม เพราะหากขาดสารตัวนี้ไปก็อาจทำให้การทำงานของผิวผิดปกติไป  ผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงผิวทั่วไปจึงมีส่วนผสมของ “มอยส์เจอร์ไรเซอร์” กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือหลายกลุ่มผสมกัน รวมทั้งอาจเติมสารต่างๆ เช่น สารกันแดด สี น้ำหอม เป็นต้นนอกจากนั้น “มอยซ์เจอร์ไรเซอร์” ในปัจจุบันยังมีการพัฒนาสูตรโดยการเติมสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ หรือการศึกษาทางคลินิก ในการบรรเทาความผิดปกติ เช่น อาการแห้งคัน การอักเสบของผิวหนังได้ในระดับหนึ่ง นอกเหนือจากหน้าที่หลักในการฟื้นฟูความชุ่มชื้นของผิวและปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ผิวที่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ยาที่แพทย์ใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง เช่น ยาทาสเตียรอยด์ ยังคงเป็นยาหลักที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาบรรเทาอาการคันอักเสบของโรคผิวหนังอักเสบ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกความแรงและระยะเวลาที่ใช้อย่างเหมาะสม และระมัดระวังเป็นพิเศษในกลุ่มเด็ก หรือตำแหน่งของผิวหนังที่มีเสี่ยงต่าง ๆ อย่างไรก็ตามมีข้อจำกัดที่ผู้บริโภคต้องพึงระวังนั่นคือผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานที่จะทำให้ผิวส่วนนั้นบางลง อาจเกิดเป็นรอยแตกลายได้ และยิ่งทาเป็นบริเวณกว้าง ทาเป็นเวลานานจะทำให้สารดูดซึมเข้าสู่ระบบในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการกดการทำงานของต่อมหมวกไต หรือทำให้กระดูกพรุนได้ แพทย์และผู้ป่วยยังมีทางเลือกในการใช้ยากลุ่ม Topical calcineurin inhibitors  (TCIs) ที่มีประสิทธิภาพการรักษาที่ดี มีอาการข้างเคียงน้อยกว่ายาในกลุ่มสเตียรอยด์ แต่ก็มีราคาสูงมาก และมีข้อจำกัดในการใช้ในรายที่อาการผื่นรุนแรง

ดังนั้นการทามอยส์เจอรไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและมีความปลอดภัยสูงในการเสริมความแข็งแรงของชั้น ผิวหนัง ใช้ได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องผลข้างเคียงที่รุนแรง ใช้ได้ตั้งแต่เด็กและควรใช้เป็นกิจวัตรเนื่องจากชั้นผิวหนังที่แข็งแรงมี ส่วนอย่างมากในการป้องกันการกำเริบของอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง  หรือผิวหนังแห้งคันชนิดต่างๆ นอกจากนี้ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนังที่เริ่มมีอาการผิวหนังอักเสบระยะเริ่ม แรก การทามอยส์เจอไรเซอร์กลุ่มที่มีส่วนผสมของสารที่ต้านการอักเสบอาจช่วยบรรเทา อาการและลดความถี่ในการใช้ยาทาสเตียรอยด์อย่างได้ผลอีกด้วย

ส่วน “คลีนเซอร์”คือสารสำหรับการทำความสะอาดผิว ซึ่งหลายคนยังคงเข้าใจว่าการใช้คลีนเซอร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่แท้จริงแล้วสิ่งสกปรกบนผิวของเรานั้นไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะยังมีสารประกอบต่างๆที่ไม่ละลายน้ำ เช่น ไขมันจากต่อมไขมันที่ผิวหนัง (sebum) เครื่องสำอางต่างๆที่เราใช้ในแต่ละวัน ต้องอาศัยคลีนเซอร์ในการช่วยขจัดออกโดยไม่รบกวนความชุ่มชื้นปกติของผิวพรรณ

การเลือก “คลีนเซอร์” ที่ถูกต้องนั้นควรจะดูที่ผิวของเราเองเป็นหลัก รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันว่าเป็นอย่างไร จึงจะสามารถเลือกคลีนเซอร์ที่เหมาะสมได้ ซึ่งคลีนเซอร์ที่ดีนั้นควรมีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงกับค่าปกติของผิวหนัง คือประมาณ 5 – 5.5 จึงไม่รบกวนกระบวนการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูผิว และยับยั้งกระบวนการเร่งผลัดเซลล์ผิวจากการกระตุ้นเอนไซม์โปรติเอสในชั้นผิว คลีนเซอร์ที่ดีควรทำความสะอาดผิวได้ดี เมื่อล้างออกแล้วผิวไม่แห้งตึง มีความอ่อนโยนไม่ระคายเคืองหลีกเลี่ยงส่วนผสมของสารชะล้างที่อาจระคายเคืองผิวได้  เช่น  Sodium Lauryl Sulfate (SLS)

ทุกวันนี้เรื่องสุขภาพผิวไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวของเราอีกต่อไป อย่ารอให้ผิวเสียไปจนถึงขั้นรุนแรง แค่เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการใส่ใจตนเอง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม นอกจากผิวพรรณจะสวยสดใสแล้ว ยังมีความแข็งแรงเป็นเกราะป้องกันสารระคายเคือง สารก่อภูมิแพ้ต่าง  ๆ