จีนห้ามมุสลิมในซินเจียงไว้เครายาว-คลุมหน้า

จีนออกกฎหมายห้ามชาวอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์แต่งกายแบบมุสลิมกลุ่มสุดโต่ง ทั้งห้ามมีพฤติกรรมแยกตัวไม่ผสมกลมกลืนกับสังคมจีน

บีบีซีไทยรายงานว่า ทางการจีนออกกฎหมายใหม่เพื่อบังคับใช้ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวมุสลิมอุยกูร์อาศัยอยู่จำนวนมาก โดยกฎหมายนี้ห้ามการปฏิบัติตนตามแนวทางของมุสลิมกลุ่มสุดโต่ง เช่นการไว้เครายาวเกินปกติหรือคลุมหน้าจนมิดชิดในที่สาธารณะ รวมทั้งห้ามพฤติกรรมต่อต้านไม่ยอมผสมกลมกลืนกับสังคมจีนอีกหลายเรื่องด้วย

ก่อนหน้านี้ทางการเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ได้เคยออกข้อห้ามในลักษณะเดียวกันมาแล้ว แต่เพิ่งมีการตราเป็นกฎหมายในวันนี้ (1 เม.ย.) โดยนอกจากข้อห้ามเรื่องการแต่งกายแล้ว ยังห้ามไม่ให้ชาวอุยกูร์หลีกเลี่ยงการวางแผนครอบครัว ไม่ส่งบุตรหลานไปโรงเรียนของรัฐ ทำลายเอกสารราชการ รวมทั้งแต่งงานโดยใช้วิธีทางศาสนาเพียงอย่างเดียว

กฎหมายใหม่ดังกล่าวยังระบุให้เจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานตามสถานที่สาธารณะเช่นสถานีขนส่งหรือสนามบิน พยายามยับยั้งผู้ที่คลุมหน้าหรือปกปิดร่างกายทั่วตัวไม่ให้เข้าไปด้านใน รวมทั้งแจ้งเหตุดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันการก่อวินาศกรรม

ที่ผ่านมาทางการจีนกล่าวโทษขบวนการแบ่งแยกดินแดนชาวอุยกูร์ว่า อยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์หลายครั้ง แต่กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแย้งว่าเหตุไม่สงบในพื้นที่นี้เกิดจากนโยบายที่กดขี่บังคับของรัฐบาลจีน และการออกกฎหมายใหม่นี้จะยิ่งกดดันให้ชาวอุยกูร์บางส่วนหันเข้าหาแนวทางสุดโต่งในการต่อสู้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ชาวอุยกูร์เป็นมุสลิมเชื้อสายเติร์ก มีจำนวนประชากรคิดเป็นร้อยละ 45 ของผู้ที่อาศัยในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เคยจัดตั้งรัฐเตอร์กิสถานตะวันออกขึ้นปกครองตนเองในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะถูกจีนเข้ายึดครองเมื่อปี 1949 ซึ่งหลังจากนั้นมีชาวจีนเชื้อสายฮั่นจำนวนมากพากันอพยพเข้าไปตั้งหลักแหล่งในเขตปกครองแห่งนี้ จนทำให้ชาวอุยกูร์หวั่นเกรงว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนกำลังถูกทำให้เลือนหายไป