วานนี้ (17 ต.ค.) ฮิวแมนไรท์วอทช์เผยภาพจากดาวเทียมชิ้นใหม่แสดงชัดเจนว่า อย่างน้อย 288 หมู่บ้านถูกไฟเผาเสียหายบางส่วนหรือถูกทำลายทั้งหมดในรัฐยะไข่ทางตอนเหนือของในพม่าตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2017 โดยเป็นการทำลายล้างสิ่งปลูกสร้างนับหมื่นหลังซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมโรฮิงญา
การวิเคราะห์ภาพจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า การเผาเกิดขึ้นในหมู่บ้านชาวโรฮิงญาและเกิดหลังจากที่เจ้าหน้าที่พม่าอ้างว่า “ปฏิบัติการกวาดล้าง” ของหน่วยความมั่นคงได้ยุติไปแล้ว ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว
ภาพถ่ายเผยให้เห็นพื้นที่หลายแห่งซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวโรฮิงญาที่ถูกทำลายซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ถูกทำลาย นอกจากนี้ภาพยังเป็นการยืนยันว่า อย่างน้อย 66 หมู่บ้านที่ถูกเผาทำลายหลังวันที่ 5 กันยายน ซึ่งปฏิบัติการของหน่วยความมั่นคงพม่าได้สิ้นสุดลงแล้ว ตามที่นางออง ซาน ซูจี อ้างในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันที่ 18 กันยายน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม กลุ่มนักรบติดอาวุธในชื่อ กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา(Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) ได้โจมตีเจ้าหน้าที่ทางการพม่า ซึ่งต่อมาทหารพม่าได้โต้ตอบการโจมตีนี้ด้วยปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ อันทำให้ชาวโรฮิงญามากกว่า 530,000 คนต้องหลบหนีข้ามพรมแดนเข้าไปยังบังกลาเทศตามรายงานของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ
“ภาพดาวเทียมล่าสุดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ทำไมชาวโรฮิงญากว่าครึ่งล้านจึงต้องหนีไปบังคลาเทศในเวลาเพียงสี่สัปดาห์” ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภาคพิ้นเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวและว่า “กองทัพพม่าได้ทำลายหมู่บ้านโรฮิงญาหลายร้อยแห่ง รวมทั้งมีการฆาตกรรม ข่มขืนกระทำชำเรา และก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ต่อมนุษยชาติ อันเป็นการบีบบังคับให้ชาวโรฮิงยาต้องหนีเพื่อรักษาชีวิตของพวกเขา”