5 ชิ้นจาก “ม้วนหนังสือเดดซี” (Dead Sea Scrolls) ซึ่งถูกจัดแสดงในนิทรรศการที่มีคุณค่าที่สุด ที่พิพิธภัณฑ์พระคัมภีร์ไบเบิล (Museum of the Bible) ในกรุงวอชิงตันดีซี ถูกตรวจพบว่าเป็น “ของปลอม” ดิอินดีเพนเดนท์ สื่ออังกฤษรายงาน
วัตถุโบราณเหล่านี้ที่เคยคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์จะไม่ถูกนำมาแสดงอีกต่อไป
นักวิชาการได้ทดสอบชิ้นส่วนเหล่านี้และพบว่า “ลักษณะเฉพาะที่ปรากฏไม่สอดคล้องกับต้นกำเนิดโบราณ ดังนั้นจึงจะไม่นำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป” ทางพิพิธภัณฑ์กล่าว
“ม้วนหนังสือเดดซี” เป็นสำเนาที่เก่าแก่ที่สุดของข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลที่เคยพบ และรวมถึงข้อความในพระคัมภีร์ฮีบรู หรือพันธสัญญาเดิม ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 1,800 ถึงมากกว่า 2,000 ปี
“แม้เราหวังว่าการทดสอบจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากนี้ แต่นี่คือโอกาสที่จะให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจสอบความถูกต้องของวัตถุโบราณในพระคัมภีร์ไบเบิลที่หาได้ยาก ซึ่งดำเนินการด้วยกระบวนการทดสอบที่ละเอียด และความมุ่งมั่นของเราเพื่อความโปร่งใส ” เจฟฟรีย์ คลอฮา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวในแถลงการณ์
“ในฐานะสถาบันทางการศึกษาที่ได้รับความไว้วางใจในด้านมรดกทางวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยึดมั่นตามหลักปฏิบัติของพิพิธภัณฑ์ทั่วไป และหลักจริยธรรมด้านการดูแลรักษาวัตถุโบราณ การวิจัย และการจัดแสดง” นายคลอฮากล่าว
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพื่อได้ม้วนหนังสือนี้มาไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่คาดว่าพิพิธภัณฑ์ได้ใช้จ่ายเงินไปหลายล้านดอลลาร์เพื่อการนี้ พิพิธภัณฑ์ต้องเผชิญคำถามเกี่ยวกับความถูกต้องของชิ้นส่วนม้วนหนังสือเหล่านี้ตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดพิพิธภัณฑ์ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 (พ.ศ. 2560)
ในเดือนเมษายนปี 2017 พิพิธภัณฑ์ได้ส่ง 5 ชิ้นจาก “ม้วนหนังสือเดดซี” ไปยัง Bundesanstalt für Materialforschung und-prüfung (BAM) ซึ่งเป็นสถาบันของเยอรมันเพื่อทำการวิเคราะห์วัสดุ ซึ่งได้ทดสอบหมึกและกระดาษปาปิรุส (papyrus : กระดาษทำจากลำต้นกกอียิปต์) ซึ่งพิพิธภัณฑ์พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่ารายงานที่ได้รับเมื่อเร็วๆ นี้ “ทำให้เกิดความสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความถูกต้องของทั้งห้าชิ้นนี้”
ปัจจุบันนี้มี “ม้วนหนังสือเดดซี” จำนวนมาก -ประมาณ 100,000 ชิ้น- ซึ่งเก็บอยู่ใน “อาคารแห่งหนังสือ” (Shrine of the Book) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์อิสราเอล กรุงเยรูซาเล็ม
การขุดค้นและการขายชิ้นส่วนวัตถุโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายภายใต้สนธิสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติตั้งแต่ปี 1970 (พ.ศ.2513) ซึ่งหมายความว่าผู้ขายต้องต่อสู้เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนได้รับชิ้นส่วนมาก่อนหน้านั้น
ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พระคัมภีร์ไบเบิล “สตีฟ กรีน” ซึ่งเป็นนักธุรกิจเจ้าของห้างค้าปลีกลูกโซ่ “Hobby Lobby” ต้องเผชิญหน้ากับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อวัตถุโบราณต่างๆ มากกว่า 5,500 ชิ้นจากปี 2010 (พ.ศ. 2553) ที่มีต้นกำเนิดมาจากอิรัก เขาตกลงที่จะจ่ายเงิน 3 ล้านเหรียญในปีที่แล้วเพื่อระงับคดีกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่อ้างว่า วัตถุโบราณถูกลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย รายการวัตถุเหล่านี้ได้ถูกส่งคืนกลับไปแล้ว
คลิ๊กอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง ม้วนหนังสือเดดซี จากจากวิกิพีเดีย