เดอะนิวอาหรับ – ในวันอังคาร (22 ม.ค.) ดร.มหาเดร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกมาปกป้องประเทศของเขากรณีห้ามนักกีฬาอิสราเอลเข้าประเทศ โดยเขาได้เปรียบเทียบกับแผนของประธานาธิบดีอเมริกัน “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะสร้างกำแพงตามแนวชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก
มาเลเซียสร้างความโกรธแค้นให้อิสราเอลหลังจากบอกว่า ประเทศนี้จะไม่อนุญาตให้นักว่ายน้ำอิสราเอลเข้าประเทศเพื่อร่วมการแข่งขันในช่วงปลายปีนี้ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่จะส่งผลต่อการเข้าแข่งขันพาราลิมปิกโตเกียว 2020
“ทุกประเทศมีสิทธิ์ที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการเข้าประเทศของบุคคลใดๆ” มหาเดร์กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเวียนนาเมื่อวันอังคาร
“ คุณจะเห็นได้ว่าในอเมริกาตอนนี้พวกเขากำลังสร้างกำแพงสูงมากเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเม็กซิกันเข้าไปอเมริกา” เขากล่าว
“เราก็มีแนวคิดแบบเดียวกัน ว่าคนที่ไม่พึงประสงค์สำหรับประเทศของเรา ก็จะถูกกันออกไปจากประเทศของเรา” ดร.มหาเดร์กล่าวเสริม
มหาเดร์ยังตราหน้าอิสราเอลว่าเป็น “ประเทศอาชญากร” และว่า “หากประชาชนของพวกเขาต้องการแข่งขันกีฬา พวกเขาสามารถไปประเทศอื่นได้”
เขากล่าวด้วยว่า นักกีฬาอิสราเอลได้รับการยกย่องจากประเทศหนึ่งซึ่งดำเนินการนอกกฎหมายสากล รวมถึงการสร้างนิคมตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่ไม่ใช่ของตัวเอง
“พวกเขาบุกเข้ายึดเรือของเราที่จะไปช่วยเหลือชาวกาซา มีหลายสิ่งที่อิสราเอลทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศและศีลธรรม” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอิสราเอลออกโรงซัดการตัดสินใจของมาเลเซีย โดยบอกว่ามาเลเซียได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “การต่อต้านชาวยิวอย่างบ้าคลั่ง” (rabid anti-Semitism) ของมหาเดร์
แต่ไหนแต่ไร ดร.มหาเดร์ นายกรัฐมนตรี วัย 93 ปี เป็นผู้ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาต่ออิสราเอลเกี่ยวกับการละเมิดต่อชาวปาเลสไตน์
“เป็นสิทธิ์ของผมที่จะบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำสิ่งผิดๆ มากมาย ทำไมเราไม่สามารถพูดอะไรต่อต้านอิสราเอล ต่อต้านชาวยิว?” มหาเดร์กล่าวในการตอบโต้ต่อข้อกล่าวหาต่อต้านชาวยิวเมื่อเร็วๆ นี้
อิสราเอลได้เรียกร้องคณะกรรมการพาราลิมปิกสากลให้คัดค้านการตัดสินใจนี้ของมาเลเซีย หรือเปลี่ยนสถานที่แข่งขัน
กัวลาลัมเปอร์ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับอิสราเอลได้ปฏิเสธคำขอจากหน่วยงานด้านกีฬาระดับโลกที่จะหาทางออกแก้ไขปัญหานี้
ก่อนหน้านี้มาเลเซียก็เคยห้ามไม่ให้นักกีฬาอิสราเอลเข้าประเทศ นักเล่นกระดานโต้คลื่นชาวอิสราเอลสองคนต้องถอนตัวจากการแข่งขันที่เกาะลังกาวีหลังจากที่พวกเขาถูกปฏิเสธวีซ่าในปี 2558