นักท่องเที่ยวมุสลิมกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่หลายประเทศทั่วโลกพยายามเข้ามาทำการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพราะจำนวนเม็ดเงินมหาศาล จึงทำให้ในหลายๆประเทศสนใจ ในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งในยุโรปและจีน ซึ่งเคยเป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ก็เริ่มลดลง จึงหันมาให้ความสำคัญกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม
แต่ปัจจัยที่ นักท่องเที่ยวมุสลิมให้ความสำคัญ ได้แก่ การหาซื้ออาหารฮาลาลได้ทั่วไป มีห้องละหมาดให้บริการ มีความปลอดภัย เป็นเหตุผลลำดับต้นๆ ซึ่งทำให้ประเทศตะวันตก ที่มีกระแสต่อต้านอิสลามถูกตัดคะแนนไป เพราะความไม่พร้อม ส่วนประเทศในแถบเอเชียได้ยึดแถวหน้าใน GMTI (ดัชนีการท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก)
หลายประเทศพยายามปรับปรุงกระบวนการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยทำทุกวิถีทางเพื่อดึงนักเที่ยวกลุ่มมุสลิมเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ประเทศที่ทำสำเร็จแล้ว คือ มาเลเซีย ได้ขึ้นแท่นประเทศที่ “เป็นมิตร” ต่อนักท่องเที่ยวมุสลิมมากที่สุดของโลก ส่วนไทยมาเป็นอันดับ20 และอันดับที่2 ในกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม จากสำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างดัชนีการท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก (GMTI) จากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ดร่วมกับเครสเซนต์เรตติงว่า “มาเลเซียเป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกเอื้อต่อผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดจาก100 ประเทศที่ถูกสำรวจ
ดัชนี GMTI ยังเผยว่า การท่องเที่ยวแบบฮาลาลเป็นเซ็กเตอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวมุสลิม108 ล้านคน ใช้จ่ายเป็นมูลค่า1.45 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 10% ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก และคาดว่าภายในปี2563 จำนวนนักเดินทางมุสลิมจะพุ่งเป็น 150 ล้านคน มูลค่าตลาดเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 11% ของการท่องเที่ยวโลก
ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียอาจจะมีสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกเอื้อต่อ นัก ท่องเที่ยวมุสลิมกว่าไทย แต่เรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว มาเลเซียยังสู้ไทยไม่ได้ เพราะประเทศไทยนอกจากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว ยังมี Medical Tourist ด้วย ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งตลาด Medical Tourist อยู่ถึง 40% ของโลก
ศักยภาพของตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิมเริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้น ปัจจุบันประชากรมุสลิมมี 1.57 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ23 ของจำนวนประชากรโลก โดยมุสลิมร้อยละ20 อยู่ในทวีปเอเชีย ประเทศมุสลิมที่มีประชากรมากที่สุดในโลก คือ อินโดนีเซีย 203 ล้านคน จากประชากรของประเทศ 243 ล้านคน มาเลเซีย 17 ล้านคน ปากีสถาน 174 ล้านคน อินเดีย 161 ล้านคน บังกลาเทศ 145 ล้านคน ประเทศอื่นทั่วโลกมีชาวมุสลิมอีก เช่น จีน รัสเซีย เยอรมนี
สถิติการวิจัยของ crescentrating ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวฮาลาลในสิงคโปร์ ร่วมกับDinarStandard บริษัทในสหรัฐฯ ที่ติดตามตลาดในวิถีชีวิตของมุสลิม พบว่า ปี 2554 นักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลกเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีมูลค่าตลาด 125,100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ คาดว่าความต้องการจะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 4.8 ต่อปี ไปจนถึงปี 2563 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่คิดเป็นร้อยละ 3 และจำนวนชาวมุสลิมทั้งโลกจะเพิ่มจากตัวเลขปัจจุบัน 1,600 ล้านคน ไปเป็น 2,200 ล้านคน ในปี 2573 คิดเป็นร้อยละ 26.4 ของประชากรโลก
ประเทศไทย ยังมีโอกาสเข้าไปเจาะนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมได้อย่างดี
ด้วยศักยภาพของประเทศไทย (ซึ่งได้อันดับที่20จาก100อันดับ ประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมุสลิมมากที่สุด) จึงทำให้ประเทศไทยมีโอกาสเข้าไปเจาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมได้ง่าย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีย เนื่องจากมีปัจจัยบวก ได้แก่การเดินทางที่ใกล้ สะดวก บินตรงได้เพียง 3 ชั่วโมง ชาวอินโดนีเซียชื่นชอบอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ชอบการท่องเที่ยวที่หลากหลายรูปแบบ ราคาไม่แพง จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย (อาซีต้า) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมีอยู่ 200,000 คน ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ปัจจุบันประเทศไทย มีแผนพัฒนาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของประเทศ นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมเป็นกลุ่มที่ประเทศไทยให้ความสนใจ จึงได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมดึงดูดนักท่องเที่ยวมุสลิมเหล่านี้ โดยจัดทำโครงสร้างพื้นฐานสำหรับบริการนักท่องเที่ยวมุสลิมทุกแบบ ให้ถูกบทบัญญัติและหลักการของศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นแนวทาง ในการเตรียมความพร้อมให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมสำหรับให้ผู้ผู้ประกอบการไทยศึกษา ซึ่งประเทศไทยหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมกลุ่มนี้
—-
อ้างอิง
-ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
–