กบฏฮูซีของเยเมนใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีซาอุดีอาระเบีย โดยมุ่งเป้าไปที่โรงงานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โรงกลั่นน้ำจากทะเล โรงงานผลิตน้ำมัน และโรงไฟฟ้า อัลจาซีรารายงานอ้างอิงสื่อทางการซาอุฯ
การโจมตีเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) พันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบียต่อสู้ในเยเมน ระบุว่า ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายจากการโจมตีครั้งนี้ แต่สร้างความเสียหายให้กับยานพาหนะและบ้านเรือนของพลเรือนในพื้นที่
การระดมยิงครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับครั้งล่าสุดในการโจมตีข้ามพรมแดนของฮูตีเข้าไปในดินแดนซาอุดิอาระเบีย ในขณะที่การเจรจาสันติภาพยังคงหยุดชะงัก ความขัดแย้งทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเยเมน
กองกำลังพันธมิตรซาอุฯ กล่าวว่า ได้ขัดขวางการโจมตีโรงกลั่นก๊าซธรรมชาติเหลวที่ศูนย์ปิโตรเคมีในเมืองยันบู (Yanbu) เมืองท่าทะเลแดงที่ดำเนินการโดย “อารามโก” บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของซาอุ ยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ว่าการโจมตีสร้างความเสียหายให้กับโรงงานหรือไม่
การโจมตีทางอากาศอื่นๆ มุ่งเป้าไปที่สถานีพลังงานทางตะวันตกเฉียงใต้ของซาอุฯ โรงกลั่นน้ำจากทะเลในอัล-ชากีกบนชายฝั่งทะเลแดง ท่าเทียบเรือของอารามโกในเมืองจิซาน ชายแดนทางใต้ และปั๊มน้ำมันในเมืองคามิสมูชาอิตทางตอนใต้ กองกำลังผสมระบุ
ขอบเขตความเสียหายยังไม่ชัดเจน สำนักข่าวอย่างเป็นทางการของซาอุดิอาระเบียได้โพสต์ภาพถ่ายต่างๆ ของรถดับเพลิงที่ใช้สายฉีดน้ำราดเปลวไฟที่ลุกโชน รวมทั้งรถยนต์และหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดินจากการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธหลายชุด
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งมีฐานอยู่ในซาอุฯ ในการเชิญคู่ขัดแย้งสงครามเยเมนมาเจรจาในริยาด โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามเกือบแปดปีนี้
กลุ่มฮูซีกล่าวว่าพวกเขาจะเข้าร่วมเจรจาในสถานที่ซึ่งจัดขึ้นในประเทศที่เป็นกลางเท่านั้น และควรให้ความสำคัญกับการยกเลิกการปิดล้อมของพันธมิตร
ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรทางทหารในเยเมนเพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่ตนหนุนหลัง ซึ่งมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนองเลือดกับกลุ่มฮูซีมาตั้งแต่ปี 2015
สงครามนี้คร่าชีวิตชาวเยเมนไปหลายแสนคน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และทำให้ประชาชนหลายล้านต้องพลัดถิ่น องค์การสหประชาชาติเรียกสถานการณ์ในเยเมนว่าเป็ฯวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก
