
มะห์มูด คาลิล นักศึกษาชาวปาเลสไตน์และนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทสำคัญในการประท้วงของนักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) จับกุมจากอพาร์ตเมนต์ของเขาในนิวยอร์กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 มี.ค. 68)
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวหาคาลิลว่าเป็นผู้สนับสนุน “การก่อการร้าย” และเชื่อมโยงเขากับฮามาส แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใด ๆ ถูกนำเสนอ
บุคคลระดับสูงทางการเมือง ตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ไปจนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ ต่างร่วมกล่าวโจมตีคาลิล ขณะที่บัญชีโซเชียลมีเดียที่สนับสนุนอิสราเอลในสหรัฐฯ ต่างเฉลิมฉลองการจับกุมของเขา
ทีมกฎหมายของคาลิลออกแถลงการณ์ในสัปดาห์นี้ว่า “การจับกุมคาลิลเป็นตัวอย่างของความพยายามในการปิดกั้นเสียงคัดค้านโดยชอบธรรม ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ”
“รัฐบาลอาจพยายามใช้ข้อกฎหมายเพื่ออ้างความชอบธรรมในวันพรุ่งนี้หรือวันต่อไป แต่เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนและผิดกฎหมายอย่างสิ้นเชิง เราจะไม่ปล่อยให้มันสำเร็จ” ทีมทนายของเขากล่าวในแถลงการณ์
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์พยายามวาดภาพคาลิลเป็น “นักศึกษาต่างชาติสุดโต่งที่สนับสนุนฮามาส” เพื่อนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียกลับมองว่าเขาเป็นผู้นำที่มีเมตตาและอุทิศตนเพื่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์

จากผู้ลี้ภัยสู่ผู้นำการเคลื่อนไหว
มะห์มูด คาลิล เกิดในปี 1995 และเติบโตในซีเรีย ครอบครัวของเขาถูกบังคับให้อพยพจากเมืองติเบเรียสในปาเลสไตน์เมื่อปี 1948 หลังจากหายนะ “นัคบา” และใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัยมาหลายทศวรรษ
เมื่อสงครามกลางเมืองในซีเรียปะทุขึ้น ครอบครัวของเขาต้องลี้ภัยอีกครั้ง โดยบางส่วนไปยังยุโรปและประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง
ระหว่างปี 2018-2022 คาลิลทำงานที่ สำนักงานซีเรียของสถานทูตอังกฤษในกรุงเบรุต แอนดรูว์ วอลเลอร์ อดีตนักการทูตอังกฤษที่เคยทำงานกับเขากล่าวว่า
“มะห์มูดเป็นคนที่อ่อนโยนและรอบคอบมาก เขาเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคน”
วอลเลอร์ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของทรัมป์ว่าเป็น “การใส่ร้ายป้ายสี” พร้อมยืนยันว่า “เขาผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อทำงานกับรัฐบาลอังกฤษ และได้รับการอนุญาตให้ทำงานในประเด็นที่ละเอียดอ่อน”
หลังจากทำงานในเลบานอน คาลิลได้รับทุนเข้าศึกษาต่อปริญญาโทที่ School of International and Public Affairs (SIPA) ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 2022 และจบการศึกษาในเดือนธันวาคม 2024
ในปี 2023 คาลิลแต่งงานกับพลเมืองสหรัฐฯ และได้รับกรีนการ์ดในปี 2024
แต่ในวันที่เขาถูกควบคุมตัว ภรรยาของเขาซึ่งตั้งครรภ์แปดเดือนถูกข่มขู่ว่าจะถูกจับกุมเช่นกันหากยังคงประท้วง เจ้าหน้าที่ ICE ที่ไม่แต่งเครื่องแบบได้พาตัวเขาขึ้นรถที่ไม่มีป้ายทะเบียน โดยไม่แจ้งจุดหมายปลายทาง
ภรรยาของเขาทราบตำแหน่งของเขาเพียงเช้าวันจันทร์ หลังพบว่าเขาถูกส่งไปยังศูนย์กักกัน ICE ในรัฐลุยเซียนา ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าสองพันกิโลเมตร
บทบาทในการเคลื่อนไหวของโคลัมเบีย
เมื่อเกิดการประท้วงของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย หลังการโจมตีของฮามาสในอิสราเอลและสงครามในฉนวนกาซา คาลิลมีบทบาทสำคัญในฐานะตัวกลางระหว่างนักศึกษากับฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัย
แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมการตั้งเต็นท์ประท้วงในมหาวิทยาลัยโดยตรง แต่เขาเป็นผู้ช่วยเจรจาและให้คำแนะนำแก่นักศึกษา
เพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนอธิบายว่าคาลิลเป็น “พี่ชายที่คอยชี้นำ” “ผู้ให้คำปรึกษา” และ “แรงบันดาลใจของชุมชนนักศึกษา”
แมรี่แอม อัลวาน นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และเพื่อนสนิทของคาลิลกล่าวว่า
“เขากล้าหาญมาก เพราะความเห็นอกเห็นใจของเขามีมากกว่าความกลัว”
“เขาอยู่ที่นี่ด้วยวีซ่านักศึกษาในช่วงที่มีการตั้งเต็นท์ประท้วง แต่เขาก็ยืนอยู่หน้ากล้อง พูดต่อหน้าฝ่ายบริหาร ทั้งที่รู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกำลังเฝ้าดู”
อัลวานกล่าวว่าคาลิลเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดียมาเป็นเวลาหลายเดือน และยังถูกข่มขู่จากนักศึกษาฝ่ายสนับสนุนอิสราเอลในมหาวิทยาลัย
นักศึกษาหลายคนยืนยันว่าเขาถูกดักฟัง ถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย (doxxing) และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโพสต์ออนไลน์ที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของ
ศาสตราจารย์ไช ดาวิดไอ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นหนึ่งในผู้ที่กล่าวหาคาลิลว่าเป็น “ผู้สนับสนุนการก่อการร้าย” และควรถูกเนรเทศ ขณะที่กลุ่ม Betar USA ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งของชาวยิวในสหรัฐฯ ได้ใส่ชื่อเขาใน “บัญชีผู้ถูกเนรเทศ”
กระแสสนับสนุนและการเคลื่อนไหว
วันจันทร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) มีประชาชนหลายพันคนเดินขบวนในย่านโลว์เวอร์แมนฮัตตัน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งพวกเขากล่าวหาว่าร่วมมือกับรัฐบาลทรัมป์ในการใช้การข่มขู่ทางกฎหมายเพื่อปิดกั้นการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์
นักเคลื่อนไหวหลายคนเปรียบเทียบสถานการณ์ของคาลิลกับยุคแม็กคาร์ธีในทศวรรษ 1950 และการใช้กฎหมายต่อต้านผู้เห็นต่างในช่วงสงครามเวียดนาม
ในวันพุธ คาลิลจะขึ้นศาลเป็นครั้งแรก ขณะที่คำร้องออนไลน์เพื่อคัดค้านการเนรเทศของเขามีผู้ลงนามแล้วหลายล้านคน
ทนายความของคาลิลระบุว่าเขายังคงปลอดภัย และรู้สึกซาบซึ้งต่อการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ
นักศึกษาชาวยิวที่ SIPA รายหนึ่งกล่าวทิ้งท้ายว่า
“นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียจะยืนหยัดเคียงข้างคาลิล เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉย ๆ”
Source: https://www.middleeasteye.net