การดูแลสุขภาพของเด็กเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพราะในวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต เด็กมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการ คุณภาพชีวิต รวมถึงสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในการรักษา ดังนั้น “ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย” จึงเป็นสิ่งที่ควรมีติดไว้ เพื่อช่วยให้ครอบครัวรับมือเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
โรคยอดฮิตที่พบบ่อยในเด็กไทย พร้อมข้อมูลสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้มีอะไรบ้าง
1. ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกเป็นโรคที่ระบาดแทบทุกปี เด็กมักเริ่มด้วยไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น อ่อนเพลีย และบางรายมีจุดเลือดออกตามตัว หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลาอาจเกิดภาวะช็อก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต การวินิจฉัยต้องตรวจเลือดหลายครั้งเพื่อดูเกล็ดเลือดที่ลดลง และในรายที่อาการรุนแรงจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น: 2,000 – 5,000 บาท
- ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) หากมีอาการรุนแรง: 30,000 – 100,000 บาท
ค่ารักษาโดยเฉลี่ยค่อนข้างสูง ตั้งแต่การตรวจเบื้องต้นหลักพัน ไปจนถึงค่าผู้ป่วยในที่อาจแตะหลักหมื่นถึงแสนบาท ผู้ปกครองจำนวนมากจึงกังวลเรื่องค่าใช่จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดคิด การมีประกันเด็กเหมาจ่ายช่วยรองรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ดี ทำให้เด็กได้รับการดูแลใกล้ชิดตลอดระยะอาการวิกฤตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเกินตัว
2. ปอดอักเสบ
ปอดอักเสบเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เด็กมักมีไข้สูง หายใจหอบ เสมหะมาก และไอเรื้อรัง การรักษามักต้องเอ็กซเรย์ปอด รวมถึงให้ยาปฏิชีวนะตามดุลยพินิจแพทย์ ในรายที่อาการหนักจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูการหายใจและให้น้ำเกลือ
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าตรวจวินิจฉัยและเอ็กซเรย์ปอด: 5,000 – 10,000 บาท
- ค่ารักษาผู้ป่วยใน (นอนโรงพยาบาล): 40,000 – 150,000 บาท
3. โรคมือ เท้า ปาก
โรคมือ เท้า ปาก ระบาดง่ายมากในกลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากสัมผัสของเล่นร่วมกัน เด็กมักมีไข้ต่ำ ตุ่มน้ำในปากทำให้กินอาหารลำบาก ตุ่มตามมือและเท้าทำให้เจ็บ โดยทั่วไปเป็นโรคที่ไม่รุนแรง แต่ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน เช่น ซึม ชัก หรืออาเจียนหลายครั้ง อาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าตรวจเบื้องต้นและให้ยาลดไข้: 1,500 – 5,000 บาท
- หากมีภาวะแทรกซ้อนจนต้องนอนโรงพยาบาล: 20,000 – 80,000 บาท
4. ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่เด็กเป็นกันง่ายมาก โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอม อาการเริ่มจากไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ไอแรง และบางรายอาจหายใจลำบาก จำเป็นต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด และในบางครั้งต้องรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่ดี
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าวัคซีนป้องกันปีละ: 1,000 – 2,500 บาท
- หากติดเชื้อและต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล: 30,000 – 120,000 บาท
5. โรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า
ไวรัสโรต้าเป็นโรคที่ทำให้เด็กอาเจียนและท้องเสียเฉียบพลันอย่างหนัก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาการมักเริ่มจากไข้ ตามด้วยอาเจียนหลายครั้งและอุจจาระเหลว ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้รวดเร็ว จำเป็นต้องได้รับสารน้ำทางเส้นเลือดในโรงพยาบาลในหลายกรณี
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าวัคซีนป้องกัน: 2,500 – 4,000 บาท
- หากติดเชื้อรุนแรงและต้องให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล: 20,000 – 60,000 บาท
6. โรคหัด
โรคหัดแม้จะมีวัคซีน แต่ยังพบในเด็กบางกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนครบ เด็กจะมีไข้สูง ตาแดง น้ำมูกไหล และเกิดผื่นแดงทั่วตัว หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบหรือสมองอักเสบ อาจต้องรักษาอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าวัคซีนป้องกัน (MMR): 1,500 – 3,500 บาท
- หากมีภาวะแทรกซ้อนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล: 50,000 – 200,000 บาท
7. โรคธาลัสซีเมีย
ธาลัสซีเมียเป็นโรคเลือดจางพันธุกรรมที่ต้องได้รับการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่อง เด็กที่เป็นโรคนี้มักมีอาการซีด อ่อนเพลีย ตัวเหลือง และต้องได้รับการถ่ายเลือดเป็นประจำทุกเดือน รวมถึงการติดตามค่าการทำงานของอวัยวะภายในต่าง ๆ
ค่ารักษาพยาบาล:
- ค่าตรวจยืนยันโรค: 3,000 – 8,000 บาท
- ค่าถ่ายเลือดและรักษาต่อเนื่อง: 100,000 – 300,000 บาทต่อปี
การดูแลสุขภาพของเด็กไทยเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะโรคที่พบบ่อยหลากหลายโรคสามารถส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กได้โดยตรง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาหลายโรคค่อนข้างสูงและเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด การมีประกันเด็กเหมาจ่ายที่เหมาะสมจึงเป็นเกราะป้องกันสำคัญของทุกครอบครัว ทำให้เด็กได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีไม่ว่าค่าใช้จ่ายจะเป็นเท่าไร
นอกจากการดูแลค่ารักษาผู้ป่วยในแล้ว ปัจจุบันการมีประกัน OPD อย่างเดียว ช่วยครอบคลุมการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะสำหรับการพาลูกไปพบแพทย์เป็นประจำ ตรวจสุขภาพ หรือรักษาโรคทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ช่วยให้ครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับครอบครัวที่ยังไม่มีประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย การเริ่มต้นหาข้อมูลและเลือกแผนที่เหมาะสมตั้งแต่ตอนนี้ นับเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีของลูกน้อย และช่วยให้พ่อแม่มั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์อีกด้วย





