วันที่ 2 ก.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ม็อบชาวพุทธพม่าพร้อมอาวุธบุกเผามัสยิด ทางตอนเหนือของพม่า เพราะความรู้สึกต้านชาวมุสลิมในประเทศ นับเป็นการโจมตีครั้งที่สองในช่วงเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ เป็นความท้าทายของรัฐบาลใหม่ที่นำโดยนางออง ซาน ซู จี
ชาวบ้านในเมืองผากั้นทางตอนเหนือของรัฐคะฉิ่นพร้อมอาวุธไม้ มีด และอื่นๆ เข้าปล้นสะดมในมัสยิด ก่อนจุดไฟเผา โดยเจ้าที่ไม่สามารถควบคุมม็อบได้เลย อาคารมุสยิดถูกเผาโดยกลุ่มชน โดยเหตุอาละวาดครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งเรื่องการก่อสร้างมัสยิด
เหตุจลาจลนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับวันสุดท้ายที่ผู้สอบสวนด้านสิทธิแห่ง สหประชาชาติหรือยูเอ็นเยือนพม่าซึ่งได้เตือนว่าความตึงเครียดระหว่างศาสนา ยังคงแพร่ขยายอย่างต่อเนื่องทั่วสังคมพม่า โดยนางสาวยางฮี ลี เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิของยูเอ็นได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนการทำลาย มัสยิดอีกแห่งในตอนกลางของเขตพะโคเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

“รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ว่าการยุแหย่และก่อความรุนแรงต่อชุมชนของชนกลุ่มน้อย ทางชาติพันธุ์หรือศาสนานั้นไม่มีที่อยู่ในพม่า” นางสาวลีกล่าว พร้อมยังเร่งเร้าให้รัฐบาลนางซู จี ยุติการเลือกปฏิบัติต่อชุมชนมุสลิมในสถาบันต่างๆของพม่าเป็นภารกิจเร่งด่วน ลำดับต้น
การไม่อดกลั้นต่อความเห็นต่างทางศาสนาเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั่วประเทศใน ช่วงเวลาสองสามปีมานี้ เป็นภัยคุกคามต่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศสู่ประชาธิปไตย ด้านเจ้าหน้าที่ลังเลที่จะดำเนินคดีด้วยกลัวว่าจะทำให้เกิดความไม่สงบเพิ่ม ขึ้น
ทั้งนี้ ความรุนแรงทางศาสนาครั้งเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่รัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่าเมื่อปี 2555 ทำให้มีรผู้เสียชีวิตหลายรายและผลักให้ชาวมุสลิมโรฮิงยาหลายหมื่นคนต้องอพยพ ไปอยู่ค่ายลี้ภัย
ขอบคุณที่มา ข่าวสด





