เจ้าหญิงที่ถูกคุมขังของซาอุดิอาระเบียเรียกร้องการปฏิวัติ

ชะตากรรมของธิดาที่ถูกคุมขังสี่คนของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ผู้ล่วงลับ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้หญิงในซาอุดอารเบียทุกคนไร้ซึ่งสิทธิมนุษยชนที่จำเป็น

(ภาพ) ธิดาของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ ถ่ายเมื่อเดือนมีนาคม 2014 ซาฮาร์เป็นธิดาคนโตจากทั้งหมดสี่คน เธอคือคนที่สวมผ้าคลุมศีรษะ คนที่สวมหมวกสีแดงคือเจ้าหญิงจาวาฮิรฺ

ริยาด – ถึงแม้พวกเธอจะเป็นธิดาจากเชื้อพระองค์ แม้จะเป็นเจ้าหญิง ก็ไม่สามารถรอดพ้นชะตากรรมเดียวกันกับผู้หญิงในซาอุดิอารเบีย ถึงแม้สหรัฐฯ จะกล่าวถึงการละเมิดสิทธิ์สตรีบ่อยครั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่การบุกรุกทางทหารของตน แต่ซาอุดิอารเบียก็ยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ละเมิดสิทธิสตรีอย่างฉาวโฉ่ที่สุดในโลก จากครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องในความกล้าหาญของพวกเธอที่กล้าพูดผ่านสื่อสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เจ้าหญิงเหล่านั้นอยู่ที่ไหน

ฮาลา, จาวาฮิร, มาฮา และ ซาฮาร์ ธิดาของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ผู้ล่วงลับกับอดีตพระชายาของพระองค์ อาลานูด อัล-ฟายิซ ถูกจองจำอยู่ในที่คุมขังระดับต่างๆ มาเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว มารดาของพวกเธอกล่าว

เธอยังบอกอีกว่า เจ้าหญิงทั้งสี่ถูกคุมขังเนื่องจากพวกเธอได้รับการเลี้ยงดูมาแบบยุคใหม่และแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเดี่ยวกับสิทธิสตรี

ซาฮาร์ และจาวาฮิร ถูกกักบริเวณอยู่ในเขตพระราชฐานเดียวกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากการพูดผ่านสื่อสังคม แม้จะถูกราชวงศ์ซาอูดลงโทษด้วยการจำกัดอาหารและน้ำแก่พวกเธอ ทั้งคู่ได้ให้สัมภาณษ์ทางวีดิโอกับสื่อหลายครั้ง และยังคงรักษาชื่อบัญชีทวิตเตอร์ของตนเอาไว้ ซาฮาร์ถึงขนาดออกปากสนับสนุนเชคนิมร์ อัล-นิมร์ นักโทษการเมืองที่ถูกประณามในรายงานของสื่อสายปฏิวัติอย่างเปิดเผยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มารดาของพวกเธอก็ยังคงมีชื่อบัญชีทวิตเตอร์อยู่สองชื่อเช่นกัน ชื่อหนึ่งเป็นของเธอเอง ส่วนอีกชื่อคือ @FreeThe4 เพื่อให้เกิดการรับรู้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการคุมขังลูกสาวของเธอ

“เรากับแม่ของเรา พูดมาตลอดชีวิตของเราเกี่ยวกับความยากจน สิทธิสตรี และเรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในหัวใจของเรา” ซาฮาร์บอกกับสื่อ

โอรสของอับดุลลอฮ์ก็มีส่วนร่วมในการทำร้ายพวกเธอ “เจ้าหญิงอ้างว่า ‘พระเชษฐาต่างมารดาของพวกเธอตีพวกเธอด้วยไม้’ และ ‘ตะคอกใส่พวกเราว่า เราจะต้องตายที่นี่’” หนังสือพิมพ์ New York Post รายงานเมื่อเดือนมกราคม การสวรรคตของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ก็ไม่ทำให้เรื่องนี้บรรเทาลง “พ่อบอกว่า หลังจากท่านเสียชีวิต พี่ชายของเราก็จะคุมขังและทำร้ายเราต่อไป” ซาฮาร์บอกกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวหลังการสวรรคตของพระองค์ในเดือนนั้น

บทความของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวนำเสนอถ้อยแถลงต่อสาธารณะครั้งสุดท้ายจากเจ้าหญิงหรือมารดาของพวกเธอ จากการสังเกตของผู้ใช้งานทวิตเตอร์พบว่า ชื่อบัญชีทางสื่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับสตรีเหล่านี้นิ่งเงียบไปในเดือนมกราคม ชื่อบัญชีทวิตเตอร์ของจาวาฮิร และซาฮาร์ รวมทั้งชื่อบัญชีของมารดาพวกเธอทั้งสองชื่อ ได้ถูกลบไป

sa2

sa1

เสียงสะท้อนถึงความทุกข์ยากของสตรีในซาอุดิอารเบีย

สำนักข่าว MintPress News ได้พูดทางโทรศัพท์กับ อาลี อัล-อะห์มัด ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับซาอุดิอารเบียจากสถาบันเพื่อกิจการอ่าว

“ซาอุดี้ฯ อยู่ภายใต้กฎของกษัตริย์” เขาอธิบาย เปรียบเทียบระบอบกษัตริย์ที่เก็บกดกับกฎเกณฑ์ของทั้งกฎหมายฆราวาสและกฎหมายอิสลาม “ไม่ว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะทำอะไร พวกเขาไม่มีขอบเขตใดๆ เลย”

อัล-อะห์มัด เรียกเจ้าหญิงทั้งสี่ว่าเป็น “พิภพเล็กๆ” ของความเป็นจริงในสังคมที่กว้างกว่าของสตรีในซาอุดิอารเบีย

ความเท่าเทียมทางเพศในซาอุดิอารเบียอยู่ในกลุ่มย่ำแย่ที่สุดในโลก จากการสำรวจโดย World Economic Foum ปี 2013 ที่จัดอันดับ 127 ชาติ จาก 136 ประเทศ ผู้หญิงซาอุดรี้ฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางโดยไม่มีผู้ปกครองชายที่ได้รับมอบหมาย ผู้หญิงที่ต่อต้านกฎห้ามขับขี่รถยนต์จะถูกจับกุมดังเช่นรายล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผู้หญิงสองคนถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 70 วัน หลังจากพยายามขับรถจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้ามาในประเทศ ผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมในการเมือง และได้รับการศึกษาแบบแยกเพศที่ไม่เท่าเทียม

การสื่อสารทางสื่อสังคมและอินเทอร์เน็ตได้เสนอวิธีใหม่ให้ผู้หญิงซาอุดรี้ฯ ในการแสดงสิทธิ์ความเป็นอิสระของพวกเธอ “ในซาอุดิอารเบีย เราอยู่กับชีวิตเสมือนจริงมากกว่าชีวิตจริง” ผู้หญิงนิรนามคนหนึ่งบอกกับ Daily Mail ในปี  2008

https://www.youtube.com/watch?v=stLCgamYxr4

แอพพลิเคชั่น ride-sharing apps ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเช่นกัน ส่วนใหญ่เพราะพวกเขาทำให้ผู้หญิงสามารถหลบหลีกจากการห้ามขับรถได้ “มีผู้หญิงบางคนที่เดินทางกับเรา 5-10 เที่ยวทุกวัน” ผู้ก่อตั้ง Careem สาขาหนึ่งของ Uber ในดูไบ บอกกับเรา “เราไม่เคยเห็นการสัญจรประเภทนี้ที่ไหน

ขณะที่ผู้หญิงซาอุดี้ฯ บางคนสามารถมีเสรีภาพที่เทคโนโลยีสมัยใหม่เสนอให้ การหายไปจากสื่อสังคมของซาฮาร์, จาวาฮิร, ฮาลา และมาลา เป็นลางร้าย แสดงให้เห็นว่า การส่งเสียงในช่องทางที่เพิ่งค้นพบนั้นสามารถจะถูกทำให้เงียบไปได้อีกครั้งอย่างง่ายดายเพียงใด

 

—-
แปล/เรียบเรียงจาก http://www.mintpressnews.com