คุณกล้าเดินเข้าไซต์งานด้วยรองเท้าแตะไหม ?
อาจฟังดูเป็นคำถามตลก ๆ แต่เชื่อไหมว่ายังมีคนในโรงงานอุตสาหกรรมหรือไซต์งานก่อสร้างจำนวนไม่น้อยที่มองว่า “รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก” เป็นแค่ของฟุ่มเฟือย ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันคือสิ่งที่ควรใส่ติดตัวไม่ต่างจากหมวกนิรภัย หรือเข็มขัดเซฟตี้
ลองนึกภาพเหล็กเส้นตกใส่เท้า, รถยกเบรกไม่อยู่, หรือสะดุดตะปูในที่มืด ๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยในงานก่อสร้างและพื้นที่เสี่ยง และผลลัพธ์ที่ตามมา อาจไม่ใช่แค่เจ็บ แต่คือการเสียอนาคตในการทำงานไปตลอดชีวิต มาดูกันว่าทำไมการไม่ใส่รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก จึงอันตรายกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด
- อุบัติเหตุจากวัตถุตกใส่เท้า เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คิด
ในไซต์ก่อสร้างหรือโรงงาน เราไม่สามารถควบคุมได้ว่าอะไรจะหล่นจากที่สูง สิ่งของอย่างเหล็ก, ค้อน, บล็อกปูน หรือแม้แต่เศษชิ้นส่วนเครื่องจักร มักตกใส่โดยไม่ทันตั้งตัว ถ้าเท้าคุณไม่มีหัวเหล็กมาป้องกัน แรงกระแทกนั้นสามารถบดนิ้วเท้าให้แหลกในพริบตา ซึ่งไม่ใช่แค่เจ็บ แต่อาจต้องผ่าตัด ตัดนิ้ว หรือถึงขั้นเดินไม่ได้เลย
- รถขนของเล็ก ๆ แต่ถ้าเหยียบใส่เท้าคือเรื่องใหญ่
ฟอร์กลิฟต์หรือรถเข็นในโรงงานดูไม่อันตรายเท่ารถบรรทุกก็จริง แต่แรงกดที่ลงบนเท้าโดยตรงนั้นสูงมหาศาล โดยเฉพาะตอนเลี้ยวหักมุมหรือมองไม่เห็น เคยมีเคสจริงในเหมืองแร่ คนงานถูกล้อรถบรรทุกน้ำมันทับเท้าเพราะใส่รองเท้าผ้าใบแทนรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก ผลคือกระดูกเท้าแตกทั้งแถบ และต้องพักงานกว่า 6 เดือน หากคุณเป็นเสาหลักครอบครัว มันจะคุ้มจริงไหมที่ประหยัดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ต้องเสียรายได้ในระยะยาว
- พื้นไซต์งานไม่เคยเรียบ ตะปู เศษเหล็ก หรือของมีคมคือกับดักที่ต้องระวัง
คุณอาจจะก้าวเดินไปโดยไม่ทันสังเกต แต่เศษเหล็กหรือเศษไม้ที่แหลมคมสามารถแทงทะลุพื้นรองเท้าทั่วไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะบริเวณปลายเท้า รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กที่ดีมักมาพร้อมแผ่นเสริมกันทะลุ (steel midsole) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รองเท้าทั่วไปไม่มีแน่นอน
- ในพื้นที่มีไฟฟ้า หรือสารเคมี และเท้าคือจุดเสี่ยงที่ถูกลืมบ่อยที่สุด
หลายคนเน้นใส่ถุงมือหรือเสื้อแขนยาวกันไฟฟ้าสถิตหรือสารเคมี แต่ลืมว่าเท้าเป็นจุดที่สัมผัสพื้นและสารเหล่านั้นโดยตรง รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กรุ่นที่ได้มาตรฐานมักมีคุณสมบัติกันไฟฟ้าสถิต หรือเคลือบสารกันน้ำมันและเคมีที่อาจรั่วไหลบนพื้นได้
รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กไม่ใช่แฟชั่น ไม่ใช่แค่พรอพสำหรับถ่ายรูปไซต์งาน แต่มันคือ เกราะป้องกันชีวิตคุณในทุกก้าว อย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุก่อนถึงจะเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะบางครั้ง การเจ็บหนึ่งครั้ง อาจแลกมากับชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกเลย