ย้อนรอยการเมือง Di Selatan (22)

พ.ศ. 2524 เป็นปีดุของนักการเมืองไทย เพราะเป็นปีที่นักการเมืองเสียชีวิตในเหตุการณ์ร้ายๆหลายเหตุการณ์ จนทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการเลือกตั้งซ่อมหลายครั้งตามจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น การเสียชีวิตของ นายกำธร ลาชโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี อันสาเหตุมาจากถูกฆ่าตาย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2524 การเสียชีวิตของ นายศรายุทธ์ ชะนะกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 31 สิงหาคม 2524 การเสียชีวิตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 คน เกิดจากเฮลิคอปเตอร์บินตกที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงราย เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ในตำแหน่งต่าง อกสั่นขวัญแขวนกับปีแห่งความสูญเสียของบรรดาผู้ทรงเกียรติตามๆกัน แต่สำหรับผู้ท้าชิงในแต่ละเขตเลือกตั้งต่างก็ลิงโลดขยันฟิตซ้อมเข้าหา ประชาชนเป็นพิเศษ เผื่อว่าปีดุปีนี้จะนำโชคลาภวาสนาให้กับตนเองได้สักวันหนึ่ง

ทันใดนั้นเอง ในเดือนพฤศจิกายน 2524 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวจังหวัดยะลาต้องตระหนกตกใจอีกครั้งหนึ่ง กล่าวคือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา จู่ๆได้หายตัวไปอย่างปราศจากร่องรอยนานเกือบ 30 วัน ทางครอบครัวญาติพี่น้องมิตรสหายและนักการเมืองที่ใกล้ชิดต่างพูดเสียง เดียวกันว่าไม่สามารถติดต่อได้เลย รู้ข่าวถึงสื่อสารมวลชนกลายเป็นเรื่องใหญ่มีการพาดหัวข่าวในหน้าหนึ่งของ หนังสือพิมพ์หลายฉบับอย่างเกรียวกราว ยิ่งปีนี้เป็นปีอาถรรพ์ของนักการเมืองด้วยแล้ว การรวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาในหมู่คอการเมืองตามร้านรวงกาแฟเป็นที่ เคร่งเครียดสนุกปากไปในทิศทางที่ไม่ค่อยเป็นมงคลนัก บางกระแสเลยเถิดไปถึงเป็นเรื่องความโกรธแค้นอาฆาตของบรรดาสิงห์การพนันทั้ง หลายที่ถือข้าง นายสุรพงษ์ ราชมุกดา ได้แทงจนหมดหน้าตักในคราวเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2524 ความแค้นจึงพุ่งเป้าไปยัง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะเป็นแม่ทัพคนสำคัญที่นำชัยชนะให้กับพรรคกิจสังคมในการเลือกตั้งครั้ง นี้ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บรรยากาศของเมืองยะลาในขณะนั้นพลุกพล่านไปด้วยนักการ เมืองวิ่งเข้าออกประตูพรรคการเมืองต่างๆทำให้พื้นประตูพรรคแทบไม่ทันได้แห้ง

แต่แล้วเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2524 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็ปรากฎตัวที่ทำการพรรคกิจสังคมและได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ตัวท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หายไปตามเสียงเล่าลือแต่อย่างใด เหตุที่หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อกับใครเลย เพราะฉายเดี่ยวเดินหาเสียงให้กับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เลือกตั้ง ซ่อมในจังหวัดพัทลุงของพรรค เข้าหมู่บ้านคนเดียวค่ำใหนนอนนั่น เพื่อต้องการทำงานในทางลับจะได้รับทราบปัญหาของชาวบ้านจะได้เสนอข้อมูลให้ กับพรรคเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับแต่ปี 2524-2526 มีเหตุการณ์ก่อเหตุร้ายต่างๆเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เช่น การจับครูเรียกค่าคุ้มครองหรือค่าไถ การกรรโชกข่มขู่นักธุรกิจพ่อค้าคนจีนโดยส่งเป็นหนังสือประทับตรากลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่และนอกพื้นที่ให้จ่ายค่าคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของ บุคคลและกิจการธุรกิจการค้าหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าภาษีเถื่อนนอกกฎหมาย

ท่ามกลางเหตุการณ์อันสยองขวัญร้ายแรงอันเกิดจากกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น วันที่ 1 ตุลาคม 2524 รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศแต่งตั้ง พล.ท.หาญ ลีนานนท์ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อมาแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเห็นว่า พล.ท.หาญฯเป็นนายทหารประชาธิปไตยคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมร่างนโยบาย 66/2523 อันเป็นนโยบายการเมืองนำการทหารที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติในเรื่องความ ขัดแย้งทางด้านความคิดนำไปสู่การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทยจนประสบความสำเร็จมาแล้ว อีกทั้ง พล.ท.หาญฯเป็นคนจังหวัดสตูลโดยกำเนิดย่อมรู้และเข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ของชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี

เมื่อ พล.ท.หาญฯได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ไปแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว จึงได้ดำเนินนโยบาย ” ใต้ร่มเย็น ” ซึ่งเป็นนโยบายการเมืองนำการทหาร สร้างความอบอุ่นและความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนทั้งพุทธและมุสลิม ข้าราชการที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษและย้ายออกจากพื้นที่โดยไม่มี ข้อยกเว้น และที่โดนใจพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าคือการกำจัดอิทธิพลและอำนาจมืดที่ ครอบงำการดำรงชีพของประชาชนให้ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความกลัวในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้มานานแสนนานหมดไปในชั่วเวลาไม่นานนัก ซึ่งนโยบายใต้ร่มเย็นโดยมีหลักการที่สำคัญๆดังต่อไปนี้

1. สร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา ไม่ว่าพี่น้องชาวไทยพุทธหรือไทยมุสลิม จะต้องได้รับการคุ้มครองจากกองกำลังของรัฐบาลให้ปลอดภัยจากการคุกคามของผู้ ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขบวนการโจรก่อการร้าย โจรคอมมิวนิสต์มาลายา

2. ทำพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสถาปนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น และยกระดับความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่าง ไทย-มาเลเซีย ให้สูงขึ้น

3. กำจัดอำนาจเผด็จการ อิทธิพล และอำนาจมืดที่ครอบงำบรรยากาศอยู่ทั่วไปให้หมดสิ้นโดยสันติวิธี เพื่อทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4. สร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ปกครองกับราษฎรผู้ถูก ปกครอง และขจัดความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่กับราฎรให้หมดไป

เมื่อได้ดำเนินนโยบายใต้ร่มเย็นในหลักการสำคัญ 4 ประการดังกล่าว ติดตามด้วยการทุ่มเทปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัดจริงจัง ผลปรากฎว่า ได้รับการขานรับจากประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยดีอย่างไม่ เคยปรากฎมาก่อน ทำให้สถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ลดลงเป็นลำดับอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นพื้นฐานอันสำคัญที่ทำให้โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยทางภาคใต้ประกาศยุติต่อสู้ด้วยอาวุธทั้งหมด ในเวลาต่อมา

สำหรับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ ในฐานะที่เกิดมาเป็นคนใต้คนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหารที่บริหาร ประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรมฯได้ยกระดับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็น ”  พื้นที่พิเศษที่มีปัญหาความมั่นคง ” จึงกำหนดนโยบายและโครงการใหม่ๆ รวมทั้งทุ่มเทงบประมาณเป็นพิเศษเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่นี้ นับว่าเป็นมิติใหม่ของการแก้ปัญหาอย่างไม่เคยมีมาก่อน  เช่น ต้นปี 2524 รัฐบาลได้จัดตั้ง” ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ” หรือที่เรียกว่า ศอ.บต. เพื่อแก้ปัญหาการขาดบูรณาการและเอกภาพของหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ โดยให้การดำเนินการด้านความมั่นคงของทุกส่วนราชการไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงใด ทั้งด้านการปราบปรามและการพัฒนา ต้องผ่าน ศอ.บต. ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.หาญ ลีนานนท์ ซึ่งได้ปรับนโยบายการต่อสู้มาให้สอดคล้องกับคำสั่ง 66/2523 แล้ว โดยเฉพาะต่อมาเมื่อมีการประกาศนโยบายใต้ร่มเย็น ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทำให้การแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น พล.ท.หาญฯ จึงกลายเป็นขวัญใจของบรรดาพี่น้องประชาชนทั้งที่เป็นไทยพุทธและไทยมุสลิม อย่างไม่มีแม่ทัพภาคที่ 4 คนก่อนๆได้รับมาก่อน

ข่าวคราวชื่อเสียงและบทบาทของ พล.ท.หาญฯในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 ดังระเบิดอยู่ในหน้าสื่อสารมวลชนเป็นระยะๆ สถานการณ์ความรุนแรงค่อยๆลดลงเป็นลำดับ บรรดาเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ที่มีอาชีพหลักค้าของเถื่อนเปิดบ่อนการ พนันหญิงบริการค้าประเวณีและสินค้าลักลอบหลบเลี่ยงภาษีออกสู่ประเทศเพื่อน บ้าน ต่างต้องยุติอาชีพผิดกฎหมายเหล่านี้โดยพลัน ข้าราชการที่เคยอำนวยความสะดวกและพินอบพิเทากับบรรดาเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพล มืดโดยมีผลผลประโยชน์ตอบแทนนั้นก็หงอยเหงาแทบจะไร้ชีวิตชีวา ลำพังค่าเงินเดือนในแต่ละเดือนไม่พอยาไส้กับการครองชีพที่ติดนิสัยฟุ่มเฟือย มาแต่เก่าก่อน