กษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน แสดงออกถึงความไม่สบายใจแต่ยังคงรักษาท่าทีทางการทูตระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรุงวอชิงตัน โดยเป็นที่แน่ชัดว่าจอร์แดน รวมถึงประเทศอาหรับส่วนใหญ่ คัดค้านแผนของทรัมป์ที่มุ่งเน้นการบังคับอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา
ความเห็นของจอร์โจ คาเฟียโร นักวิเคราะห์การเมืองจาก Gulf State Analytics ในรายงานของอัลจาซีรา ระบุว่า กษัตริย์อับดุลลาห์ต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะทางการเมืองโดยตรงกับทรัมป์ “เห็นได้ชัดว่าผู้นำจอร์แดนไม่ต้องการเปิดศึกทางการเมืองกับโดนัลด์ ทรัมป์ในที่สาธารณะ” คาเฟียโรให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีรา “แม้เขาจะไม่สบายใจ แต่ก็ยังรักษาท่าทีทางการทูตได้ดี”
ท่าทีของกษัตริย์อับดุลลาห์สอดคล้องกับการปฏิเสธอย่างหนักแน่นของประเทศอาหรับต่อแผนดังกล่าว “กษัตริย์แห่งจอร์แดนแสดงให้เห็นว่าประเทศอาหรับกำลังรวมตัวกันเพื่อส่งข้อความที่เป็นเอกภาพไปยังฝ่ายบริหารของทรัมป์” คาเฟียโรกล่าวเสริม “เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลอาหรับมองว่าแผนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้”
หากแผนของทรัมป์ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจริง จะก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองรุนแรงทั้งในอียิปต์และจอร์แดน คาเฟียโรระบุว่า “การหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จำนวนมากจะสร้างภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของรัฐบาลปกครองในทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกอาหรับให้ความสำคัญอย่างยิ่ง”
นักวิเคราะห์การเมืองรายนี้ยังกล่าวเสริมว่า การบังคับย้ายถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์ไปยังอียิปต์ จอร์แดน หรือประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ถือเป็น “เส้นแดง” ที่ไม่สามารถข้ามได้ “ผู้นำอาหรับจะแสดงจุดยืนที่หนักแน่นต่อเรื่องนี้ และจะไม่ยอมให้แผนของทรัมป์ดำเนินไปได้” คาเฟียโรกล่าวสรุป
ไพ่ต่อรองของจอร์แดนต่อทรัมป์
แม้ว่าทรัมป์จะพยายามกดดันจอร์แดนโดยอาจลดหรือระงับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ แต่จอร์แดนสามารถอยู่รอดได้โดยไม่พึ่งพาเงินช่วยเหลือนี้ อัดมัน ฮายาจเนห์ ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยกาตาร์กล่าวว่า แกนหลักของนโยบายต่างประเทศของจอร์แดนคือการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ ไม่ใช่เงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ
“สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความร่วมมือด้านข่าวกรอง ความร่วมมือทางทหาร และการใช้ฐานทัพของสหรัฐฯ ในจอร์แดน ซึ่งเป็นไพ่สำคัญที่รัฐบาลจอร์แดนสามารถใช้ต่อรองกับนโยบายของทรัมป์ได้” ฮายาจเนห์กล่าวกับอัลจาซีรา
เขายังเสริมว่า ทรัมป์เคยพยายามกดดันจอร์แดนในลักษณะเดียวกันระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขา ผ่านแผนที่เรียกว่า “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” และสถานการณ์ในปัจจุบันก็เป็นเพียงการดำเนินต่อเนื่องของกลยุทธ์ดังกล่าว โดยเป้าหมายหลักของแผนนี้คือการให้ชาวอิสราเอลสามารถเข้าควบคุมดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมด
ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองและการทูต จอร์แดนและชาติอาหรับยังคงยืนหยัดคัดค้านแผนดังกล่าว และใช้แนวทางทางการทูตในการสื่อสารจุดยืนของตนไปยังนานาชาติ